หนังสือพิมพ์ บางกอกโพสต์ เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ผบ.ตร.ต่อศักดิ์ สุขวิมล กล่าวว่ากองกำลังของเขาได้ตรวจค้นสถานที่กว่า 3,224 แห่งทั่วประเทศเพื่อหาอาวุธผิดกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 9 ถึง 11 ตุลาคม
อาวุธผิดกฎหมายเกือบ 1,800 ชิ้นที่ถูกยึด ได้แก่ ปืนเปล่า (อาวุธประเภทหนึ่งที่ใช้กระสุนไม่ร้ายแรง) และปืนลม มีการเปลี่ยนมืออาวุธที่จดทะเบียนแล้วมากกว่า 200 นัด และกระสุนเกือบ 76,000 นัดก็ถูกยึดเช่นกัน
นายต่อศักดิ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เรียกร้องให้มีการรณรงค์ทั่วประเทศเพื่อปราบปรามอาวุธผิดกฎหมาย หลังเหตุกราดยิงที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ในเหตุการณ์ดังกล่าว เด็กชายวัย 14 ปีใช้ปืนเปล่าที่ซื้อทางออนไลน์ยิงเสียชีวิต 2 ราย และทำให้มีผู้บาดเจ็บอีก 5 ราย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล ยังได้ระงับการออกใบอนุญาตนำเข้าอาวุธและการค้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการระยะสั้นเพื่อเสริมสร้างการควบคุมอาวุธปืน ในระยะยาวรัฐบาลไทยจะเปลี่ยนกฎหมายเพื่อปิดช่องโหว่เกี่ยวกับอาวุธปืน
นอกจากนี้ กรมสอบสวนคดีอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ของตำรวจยังร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ ในการจัดการเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่จำหน่ายอาวุธผิดกฎหมายทางออนไลน์อย่างเคร่งครัด
ตามข้อมูลของ Torsak เพจ Facebook ทั้งหมด 79 บัญชี, บัญชี TikTok 14 บัญชี, บัญชี 148 X บัญชี (เดิมชื่อ Twitter), ช่อง YouTube 26 ช่อง และบัญชี Instagram 14 บัญชี ได้ถูกปิดจนถึงปัจจุบัน
ในประเทศไทย การครอบครองอาวุธปืนอย่างผิดกฎหมายอาจส่งผลให้มีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี และปรับสูงสุด 20,000 บาท (ประมาณ 550 ดอลลาร์) แต่อัตราการเป็นเจ้าของปืนในประเทศยังคงสูงกว่าในประเทศตะวันออกอื่นๆ เอเชียใต้.
คนไทยเป็นเจ้าของปืนมากกว่า 10.2 ล้านกระบอก โดยมีเพียง 6 ล้านกระบอกที่ได้รับการจดทะเบียน ส่งผลให้ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 13 ของโลกในแง่ของการเป็นเจ้าของอาวุธขนาดเล็ก
ข้อมูลนิตยสาร ประชากรโลก พ.ศ. 2565 แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอาวุธปืนอันดับที่ 15 ของโลก โดยมีผู้เสียชีวิต 2,804 ราย คิดเป็นอัตรา 3.91 คนต่อประชากร 100,000 คน