ทันทีหลังจบงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2024 (BIMS 2024) ผู้จัดงานก็ประกาศข้อมูลงานทันที
หลังจากเปิดเผยจำนวนคำสั่งซื้อทั้งหมดที่ได้รับภายในงาน ผู้จัดงาน BIMS 2024 ยังคงประกาศจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่จำหน่ายได้ในงานปีนี้
โดยเฉพาะจากการยืนยันของนายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งประเทศไทย นายกฤษดา อุตโมทย์ ยอดสั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2024 (BIMS 2024) มียอดสั่งซื้อถึง 17,517 คำสั่งซื้อ
ตัวเลขนี้คิดเป็น 32.78% ของยอดสั่งซื้อภายในงาน แสดงให้เห็นความเร็วการเปลี่ยนใจใช้รถยนต์ไฟฟ้าของชาวไทยอย่างชัดเจน
ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2567 จำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่จำหน่ายในประเทศไทยมีประมาณ 22,000 คัน ซึ่งหมายความว่า BIMS 2024 เพียงอย่างเดียวสร้างคำสั่งซื้อน้อยลง 4,500 รายการจากช่วงเวลาทั้งหมดข้างต้น
เมื่อดูยอดขายรถยนต์แต่ละยี่ห้อในงาน BIMS 2024 เราก็เข้าใจว่าทำไมยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าถึงสูงขนาดนี้ ในกลุ่ม 5 อันดับแรก ได้แก่ BYD (2 อันดับแรก: มียอดถึง 5,345 คัน) และ MG (4 อันดับแรก: 3,518 คัน) นอกจากนี้ แบรนด์จีนที่มีกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ เช่น Changan (รถยนต์ 6 อันดับแรก: 3,073 คัน) หรือ Aion (รถยนต์ 7 อันดับแรก: 3,018 คัน) ก็มีอันดับที่ดีเช่นกัน ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดผลลัพธ์ข้างต้น
ก่อนหน้านี้ผู้จัดงาน BIMS 2024 ยืนยันว่าด้วยยอดคำสั่งซื้อรวม 53,348 รายการ นิทรรศการครั้งที่ 45 นี้ยังเป็นนิทรรศการที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์อีกด้วย โดยสถิติการสั่งซื้อก่อนหน้านี้คือในปี 2566 โดยมีคำสั่งซื้อ 42,885 รายการ และก่อนหน้านี้ในปี 2562 (ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19) ด้วยยอดคำสั่งซื้อ 37,769 รายการ
แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่จำหน่ายในประเทศไทยโดยทั่วไปและโดยเฉพาะในงาน BIMS 2024 ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์จีน แต่คุณกฤษดา อุตตโมทย์ไม่ได้กังวลกับปัญหานี้มากนัก ตามที่เขาพูด เพื่อให้บรรลุความสำเร็จในปัจจุบัน จีนไม่สามารถเพียงส่งออกรถยนต์มายังประเทศไทยและขายโดยมีกำไรเท่านั้น
ผู้ผลิตรถยนต์จีนต้องลงทุนในการสร้างโรงงาน จ้างคนงานในท้องถิ่น และจ่ายภาษีอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของยานยนต์ไฟฟ้าของจีนในประเทศไทยยังเอื้อต่อการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศควบคู่ไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนมากกว่าด้านใดด้านหนึ่งจึงไม่เป็นปัญหา