ในช่วง 6 เดือนสุดท้ายของปี ไทยตั้งเป้ายกระดับสถานที่ท่องเที่ยวชั้น 2 จำนวน 55 แห่ง กระตุ้นเศรษฐกิจ และค่อยๆ เปลี่ยนประเทศให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวระดับโลก
ในการประชุมเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดท่องเที่ยวชั้น 2 55 จังหวัด และสำนักงานการท่องเที่ยวไทย โดยสรุปยุทธศาสตร์กระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนสุดท้ายของปี นายกรัฐมนตรีไทยเรียกร้องให้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการและสำรวจมาตรการเพื่อให้ประเทศเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวระดับโลก รัฐบาลไทยเรียกวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์นี้ว่าการรณรงค์ “จุดชนวนประเทศไทย”
รัฐบาลไทยเชื่อว่าการเสริมสร้างการเชื่อมโยงระหว่างสถานที่ท่องเที่ยวชั้นสองกับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีมายาวนานจะช่วยให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศพัฒนาไปพร้อมๆ กัน นายเศรษฐายังเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพของ 55 จังหวัดให้สอดคล้องกับนโยบายต่างๆ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม สิ่งอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว เป็นต้น สถานที่ท่องเที่ยวใหม่และบริการการท่องเที่ยวใหม่
รัฐบาลจะสนับสนุนธุรกิจในท้องถิ่นผ่านมาตรการจูงใจทางภาษี การฝึกอบรมและการพัฒนาเจ้าหน้าที่การท่องเที่ยว การปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัย และส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีความรับผิดชอบและยั่งยืน กิจกรรมส่งเสริมการขายจะเน้นไปที่โซเชียลมีเดียและเทคโนโลยีดิจิทัล
นายกรัฐมนตรี เศรษฐา กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาที่จะขึ้นทะเบียนจังหวัดและเมืองต่างๆ ในรายการมรดกโลกขององค์การยูเนสโกด้วย
นางสาวพัทธ์ซี เพิ่มวงศ์เสนีย์ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่าภายในปี 2567 ประเทศอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศได้ก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย การท่องเที่ยวเชิงคุณค่า เน้นการสร้างมูลค่าและความยั่งยืน
ททท. ตอบรับนโยบายรัฐบาลส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวโดยส่งเสริมภาพลักษณ์ไทยเป็นจุดหมายปลายทาง 365 วัน ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นรองถูกเปลี่ยนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่โดยเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวจากเมืองสำคัญไปยังจังหวัดและเมืองรอง ประเทศไทยตั้งเป้าที่จะเป็นศูนย์กลางกิจกรรมความบันเทิงระดับโลกผ่านศูนย์กลางนี้ โดยยกระดับเทศกาลท้องถิ่นแบบดั้งเดิมให้เป็นงานระดับโลก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเชื่อว่าเวียดนามเป็นตลาดการเดินทางระยะสั้นที่สำคัญของการท่องเที่ยวไทย ในปี 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามในตลาด 10 อันดับแรกที่เดินทางมาประเทศไทยจะอยู่ในกลุ่มตัวเลข 7 หลัก (ล้านขาเข้า) โดยมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากกว่า 1 ล้านคน
ในเดือนเมษายน นายกรัฐมนตรี เศรษฐายังสนับสนุนการเปิดตัวโครงการริเริ่ม “วีซ่าเดียว” กับ 5 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ เวียดนาม กัมพูชา ลาว มาเลเซีย และเมียนมาร์ เพื่อจัดตั้งวีซ่าร่วมในอวกาศ เช่น พื้นที่เชงเก้นในยุโรป แนวคิดนี้ถือเป็นแนวคิดที่ทะเยอทะยานที่สุดในบรรดาโครงการริเริ่มส่งเสริมการท่องเที่ยวของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ที่มุ่งเป้าไปที่เป้าหมายระยะยาว 6 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ 70 ล้านคนในปี 2566 โดยไทยและมาเลเซียคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของนักท่องเที่ยวและมีรายได้ (48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
บิช เฟือง –ตาม ห้องข่าว ททท.)
“ผู้ประกอบการ นักเล่นเกมสมัครเล่น ผู้สนับสนุนซอมบี้ นักสื่อสารที่ถ่อมตนอย่างไม่พอใจ นักอ่านที่ภาคภูมิใจ”