รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เศรษฐา จะแจกจ่ายกระเป๋าสตางค์อิเล็กทรอนิกส์มูลค่า 560,000 ล้านบาท (16,000 ล้านดอลลาร์) ให้คนไทยใช้เพื่อกระตุ้นการบริโภค
ภายใต้ความเคลื่อนไหวนี้ พลเมืองไทยทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปจะได้รับเงิน 10,000 บาท (มากกว่า 280 ดอลลาร์สหรัฐ) ผ่าน e-wallet เพื่อใช้จ่ายกับสินค้าและบริการบางอย่างภายในระยะเวลาที่กำหนด ตามที่รัฐบาลไทยประกาศเมื่อวันที่ 11 กันยายน นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน. รัฐสภาไทย
เศรษฐากล่าวว่าจะใช้เงินจำนวน 560,000 ล้านบาทใน 6 เดือน โดยใช้งบประมาณของรัฐและภาษีเพิ่มเติม
นี่เป็นหนึ่งในนโยบายที่มุ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ซบเซาซึ่งนายกรัฐมนตรีเศรษฐาถือเป็นความสำคัญสูงสุดของรัฐบาล แผนดังกล่าวจะช่วยให้เกิดการกระจายกระแสเงินสดอย่างยุติธรรมในทุกภาคส่วน โดยคาดว่าจะมีบทบาทในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย
เจ้าหน้าที่ประเมินว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจอาจมากกว่าจำนวนเงินที่กระจายออกไปถึง 4 เท่า ซึ่งจะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 5% ในปีหน้า เพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ที่ 2.8% ในปีนี้
แต่แผนดังกล่าวอาจเพิ่มการขาดดุลทางการเงิน ซึ่งจำกัดความสามารถของประเทศไทยในการทนต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในอนาคต ตามการประเมินของผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และญี่ปุ่น
นายเศรษฐา ทวีสิน อายุ 60 ปี ผู้แทนพรรคเพื่อไทย ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทยในเดือนสิงหาคม ยุติการหยุดชะงักทางการเมืองในประเทศนานสามเดือน ทันทีหลังการเลือกตั้ง นายเศรษฐาได้กล่าวถึงลำดับความสำคัญทางการเมืองระหว่างดำรงตำแหน่ง โดยเน้นที่เศรษฐกิจและตำแหน่งชาติ
นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศไทยเข้ารับตำแหน่งในขณะที่ประเทศเผชิญกับความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อจะพุ่งสูงขึ้น เมื่อภัยแล้งคุกคามที่จะลดการผลิตพืชผลสำคัญ เช่น ข้าวและอ้อย ส่งผลให้เกษตรกรและธุรกิจขนาดเล็กเผชิญกับความยากลำบากมากมาย
แผนการกระจายเงินก่อนหน้านี้เสนอโดยพรรคเพื่อไทย หากผู้สมัครของพรรคนั้นได้รับเลือกและจัดตั้งรัฐบาล แต่ต้องเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากพรรคอื่นหลายครั้ง การสร้างระบบสกุลเงินดิจิทัลเพื่อดำเนินโครงการนี้อาจสร้างผลกระทบต่อตลาดบางประการ
ดยุคตรัง (ตาม บลูมเบิร์ก, บางกอกโพสต์–
“ผู้ประกอบการ นักเล่นเกมสมัครเล่น ผู้สนับสนุนซอมบี้ นักสื่อสารที่ถ่อมตนอย่างไม่พอใจ นักอ่านที่ภาคภูมิใจ”