ญี่ปุ่นติดอันดับ 1 ในรายชื่อนักลงทุนต่างชาติในประเทศไทยในช่วง 11 เดือนแรกของปี โดยมีบริษัท 129 แห่ง ลงทุน 30.1 พันล้านบาท (926 ล้านดอลลาร์) ในหลายพื้นที่ รวมถึงบริการสำรวจน้ำมันและก๊าซในพื้นที่สำรวจในประเทศไทย ในอ่าวไทย การผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ตลอดจนบริการด้านวิศวกรรมและวิศวกรรม เช่น การวิเคราะห์ก๊าซเรือนกระจกและการประมวลผลข้อมูล ตลอดจนกิจกรรมทางธุรกิจอื่นๆ
อันดับที่สองคือสิงคโปร์ที่มีบริษัท 95 แห่ง ลงทุน 22.2 พันล้านบาท (623 ล้านดอลลาร์) ในธุรกิจต่างๆ เช่น ตัวแทนประกันชีวิตและทรัพย์สิน อุตสาหกรรมการบริการ และบริการทางการเงินอิเล็กทรอนิกส์
สหรัฐอเมริกาอยู่ในอันดับที่สามจากทั้งหมด 95 บริษัท ลงทุน 4.2 พันล้านบาท (115 ล้านดอลลาร์) ในบริการที่เกี่ยวข้องกับการใช้ลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ การออกแบบ การพัฒนา และการติดตั้งระบบซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ บริษัทอเมริกันยังให้บริการในภาคการธนาคารและการเงิน โดยทำหน้าที่เป็นตัวแทนจัดหาและจัดจำหน่ายยานพาหนะประเภทต่างๆ มากมาย รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า
จีนอยู่ในอันดับที่ 4 จาก 56 บริษัท ลงทุน 15.8 พันล้านบาทในบริการที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง รวมถึงการติดตั้งและทดสอบท่อส่งก๊าซและสถานีตรวจสอบ การบำรุงรักษาหลุมขุดเจาะน้ำมันและก๊าซบนบก และรับจ้างผลิตอุปกรณ์ภาพและเสียงและเครือข่าย
บริษัทจากฮ่องกง (จีน) อยู่ในอันดับที่ 5 จาก 26 บริษัท ลงทุน 5.8 พันล้านบาท (144 ล้านดอลลาร์) ในหลายด้าน รวมถึงบริการบำรุงรักษาและซ่อมแซมรถยนต์ไฟฟ้า รับจ้างผลิตท่อเหล็กไร้ตะเข็บ และบริการจองตั๋วเครื่องบินบนแพลตฟอร์มออนไลน์
นางอรมน ชี้ว่า การมีส่วนร่วมของธุรกิจต่างชาติในประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมามีส่วนช่วยถ่ายทอดองค์ความรู้เฉพาะทางเทคโนโลยีจากประเทศลงทุนสู่คนไทย ได้แก่ องค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซ การออกแบบระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ในโครงการรถไฟ มีการใช้ระบบท่อส่งก๊าซบนบกตลอดจนเทคนิคการบำรุงรักษาและการบริการส่วนประกอบ เครื่องมือ และอุปกรณ์ในการบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า
นอกจากนี้ในช่วงเดือนมกราคมถึงพฤศจิกายน 2566 มีนักลงทุนต่างชาติแสดงความสนใจลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของไทยจำนวน 120 ราย เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มูลค่าการลงทุนในพื้นที่นี้คือ 19.5 พันล้านบาท (550 ล้านดอลลาร์) มีนักลงทุนญี่ปุ่น 43 ราย ลงทุน 6.8 พันล้านบาท (173 ล้านดอลลาร์) 28 จากประเทศจีน ด้วยเงินลงทุน 3.9 พันล้านบาท (115 ล้านเหรียญสหรัฐ) 6 บริษัทฮ่องกง มูลค่าการลงทุน 4.0 พันล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติอีก 43 ราย มูลค่าการลงทุน 4.7 พันล้านบาท