นริศ เทิดธีรสุข เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า โครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการชุดนี้มุ่งเน้นไปที่ยุทธศาสตร์ด้านต่างๆ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า พลังงานทดแทน และดิจิทัล นี่ถือเป็นจุดสนใจหลักของนโยบายส่งเสริมการลงทุนของประเทศไทยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ บีโอไอยังได้ปรับกลยุทธ์การส่งเสริมการลงทุนระยะ 5 ปี เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 โดยเสนอสิ่งจูงใจพิเศษแก่ 5 อุตสาหกรรมหลักและสาขาในช่วงปี 2567-2570 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว รถยนต์ โดยเฉพาะยานพาหนะไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์; ดิจิทัลและความคิดสร้างสรรค์ สำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาคและศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ
นายนริศ เทิดสตีระสุขดี กล่าวว่า การไหลเข้าของโครงการสำคัญๆ อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2566 จนถึงวันนี้ ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อประเทศไทยในบริบททางภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อน
ขณะเดียวกัน การออกยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนใหม่มีเป้าหมายเพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้เป็น “เศรษฐกิจใหม่” ซึ่งจะช่วยให้ภาคการลงทุนของไทยมีความน่าสนใจมากขึ้น
ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนสิงหาคม 2566 บีโอไอได้รับการขอรับการส่งเสริมการลงทุนมูลค่ารวม 465 พันล้านบาท (เทียบเท่า 12.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จำนวนการสมัครเพิ่มขึ้น 33% เป็น 1,375 โครงการ