ก่อนออกเดินทางจากประเทศไทย นักท่องเที่ยวควรพกธนบัตรสักเล็กน้อยเพื่อให้การเดินทางครั้งนี้สมบูรณ์
ข้อควรรู้ก่อนเที่ยวไทยปี 2566. Photo: Waranont (Joe)/Unsplash |
ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่คุ้นเคยสำหรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากด้วยค่าเดินทางที่ไม่แพง สถานบันเทิงและความบันเทิงที่มีชีวิตชีวา อาหารที่น่าดึงดูดใจ ผู้คนที่เป็นมิตร และวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวา เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รับประสบการณ์ที่สมบูรณ์ที่สุด นี่คือข้อควรทราบสำหรับคุณเมื่อวางแผนเดินทางมาประเทศไทยในปีนี้
จ่ายค่าเดินทางในประเทศไทย
สำนักงานการต่างประเทศ กรมประชาสัมพันธ์ ของรัฐบาลไทย ระบุว่า คณะรัฐมนตรีของประเทศนั้น “ไฟเขียว” สำหรับระเบียบการเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาประเทศไทยตั้งแต่เดือนมิถุนายน 300 บาท (เทียบเท่า 200,000 ดองเวียดนาม) จะเป็น ใช้สำหรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาทางอากาศ และ 150 บาท (ประมาณ 100,000 VND) สำหรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาทางบกหรือทางทะเล
รัฐบาลไทยวางแผนที่จะใช้เงินจากภาษีนักท่องเที่ยวนี้เพื่อจัดทำประกันสุขภาพและอุบัติเหตุสำหรับนักท่องเที่ยว ตลอดจนรักษากิจกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่น
เคารพวัฒนธรรมและมารยาทในท้องถิ่น
Travel Off Path ได้รวบรวมเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับวัฒนธรรมและความเชื่อที่นักท่องเที่ยวควรใส่ใจเมื่อมาเยือนประเทศไทย ประการแรก ผู้เยี่ยมชมควรทราบว่าพวกเขาจะตอบสนองเสมอเมื่อได้รับการไหว้จากชาวไทย การไหว้เป็นลักษณะเฉพาะทางวัฒนธรรมของไทย เมื่อพวกเขาแสดงการพนมมือที่อกและก้มศีรษะเป็นการทักทายที่เป็นมิตรและสุภาพ
ประการที่สอง ราชวงศ์ไทยเป็นที่เคารพและนับถือของประชาชนที่นี่เสมอ การมีคำพูดและการกระทำที่ล่วงเกินราชวงศ์ไทยถือเป็นความผิดที่สร้างความเดือดร้อนให้กับอาคันตุกะโดยไม่จำเป็น
นักท่องเที่ยวควรเคารพวัฒนธรรมเมื่อเดินทางในประเทศไทย รูปถ่าย: Bucketlistly |
ประการสุดท้าย เมื่อมาประเทศไทย ผู้เข้าชมควรใส่ใจกับท่าทาง ในวัฒนธรรมไทย ส่วนต่างๆ ของร่างกายมีความหมายในตัวเอง ศีรษะถือเป็นส่วนที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของร่างกาย เท้าเป็นส่วนที่สกปรกที่สุด มือซ้ายถือว่าไม่บริสุทธิ์ และมือขวาถือเป็นสิ่งที่สูงส่งและศักดิ์สิทธิ์
การกระทำเช่นการลูบหัวหรือให้สิ่งของแก่ผู้อื่นด้วยมือซ้ายจะถือว่าไม่สุภาพและไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกที่ดี ก่อนเข้าบ้านหรือวัด ผู้เข้าชมต้องถอดรองเท้าและไม่ชี้เท้าไปที่ผู้อื่น โดยเฉพาะพระพุทธรูปหรือรูปกษัตริย์ประทับนั่ง
เลือกวิธีการขนส่งที่เหมาะสม
หากเป็นการมาประเทศไทยครั้งแรกของคุณ ไม่แนะนำให้เช่ามอเตอร์ไซค์เพื่อไปเที่ยวด้วยตัวเอง กฎจราจรที่เข้าใจยาก ปริมาณการจราจรที่สูง และอัตราการเกิดอุบัติเหตุทางจราจรที่สูง คือสาเหตุที่นักท่องเที่ยวไม่ควรเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว
นักท่องเที่ยวควรพิจารณาใช้บริการขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน 07.00-09.30 น. และ 17.00-19.30 น. เพื่อประหยัดเงินและหลีกเลี่ยงรถติด ประเทศไทยมีเครือข่ายการขนส่งสาธารณะที่หลากหลายมาก ทั้งรถประจำทาง รถไฟยกระดับ รถไฟใต้ดิน หรือแม้แต่รถประจำทางแม่น้ำ ซึ่งสะดวกสำหรับผู้มาเยือน
ความหลากหลายของวิธีการขนส่งในประเทศไทย รูปถ่าย: Tsion Chudnovsky/Unsplash |
ขอแนะนำให้ลองนั่งรถตุ๊กตุ๊กตามแบบฉบับของดินแดนแห่งวัดทองเป็นประสบการณ์ อย่างไรก็ตาม Travel Off Path แนะนำให้นักท่องเที่ยวสอบถามเกี่ยวกับราคาและต่อรองก่อนขึ้นเครื่องเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกบอกให้โต้แย้งราคา การเลือกเดินทางด้วยแอปแชร์รถ เช่น Grab, Bolt หรือ NaviGo ควรได้รับการพิจารณาในเชิงรุกในแง่ของเวลา การบันทึกข้อมูลค่าโดยสาร คนขับ และหมายเลขรถ เพื่อความปลอดภัยของคุณในบริเวณใกล้เคียง
ปฏิบัติตามข้อบังคับเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เบียร์ และยาสูบ
กฎระเบียบเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เบียร์ และยาสูบในประเทศไทยมีความเข้มงวดมาก โดยมีบทลงโทษตั้งแต่ค่าปรับทางปกครองไปจนถึงโทษจำคุก และแม้แต่การเนรเทศกลับประเทศหากนักท่องเที่ยวฝ่าฝืน
ประเทศไทยมีกฎระเบียบที่เข้มงวดเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เบียร์ และยาสูบ ภาพถ่าย: “Klook” |
รัฐบาลของประเทศนี้กำหนดว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สามารถขายให้กับผู้ที่มีอายุมากกว่า 20 ปีเท่านั้น โดยมีเวลา 23.00-14.00 น. และ 17.00-12.00 น. ทุกวัน ในช่วงวันหยุดสำคัญทางศาสนาหรือวันหยุดราชการบางวัน จะไม่อนุญาตให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทยและบาร์จะปิดให้บริการ
ในฐานะสมาชิกของกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2548 ประเทศไทยกำหนดให้ผู้ที่มีอายุเกิน 18 ปีเท่านั้นที่สามารถใช้ยาสูบได้ ห้ามสูบบุหรี่ที่ชายหาดและในพื้นที่สาธารณะบางแห่งโดยสิ้นเชิง เช่น สถานที่เล่นกีฬา สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น และตลาด… นอกจากนี้ยังห้ามสูบบุหรี่และทิ้งก้นบุหรี่ผิดสถานที่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสูบบุหรี่หรือมีบุหรี่ไฟฟ้าในครอบครองถือว่าผิดกฎหมายและเป็นสิ่งต้องห้ามโดยสิ้นเชิงในประเทศนี้ ตัวแทนท่องเที่ยวและผู้ประกอบการท่องเที่ยวควรแจ้งให้นักท่องเที่ยวทราบถึงการห้ามนี้ก่อนเดินทางเข้าประเทศ