ตำรวจไทยกล่าวว่า ชาวเวียดนาม 6 คนเสียชีวิตในโรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เนื่องจากพิษไซยาไนด์ และผู้ต้องสงสัยก็เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนั้นด้วย
ในงานแถลงข่าวเมื่อเช้านี้ พล.ต.ธีรเดช ธรรมสุธี หัวหน้าทีมสอบสวนคดีพระนครศรีอยุธยา แถลงผลการสอบสวนเบื้องต้น หลังสอบปากคำพยานและผู้เกี่ยวข้องในคดีที่ 6 เป็นชายชาวเวียดนาม เสียชีวิต 1 ราย ในห้อง 502 จากทั้งหมด 5 ราย -โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณในกรุงเทพฯ
สงสัยว่าจะเป็นพิษจากไซยาไนด์
หลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุและสัมภาษณ์ลูกสาวผู้เสียชีวิต 1 ราย ตำรวจไทยแจ้งว่าทั้ง 6 คนถูกวางยาพิษ
พล.อ.ธีรเดช กล่าวว่า หลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุและเลือดผู้เสียชีวิต 6 ราย ทางนิติเวชพบว่ามีไซยาไนด์อยู่ในกาน้ำชาและมีกาแฟ 6 แก้วอยู่ในห้อง ไซยาไนด์เป็นพิษที่ “มีฤทธิ์รุนแรง” ซึ่งสามารถคร่าชีวิตผู้คนได้ในทันที
ตำรวจระบุตัวผู้ต้องสงสัยที่วางยาพิษและสังหารคนกลุ่มนี้คือนางสาวเชอรีน ชอง วัย 56 ปี สัญชาติเวียดนามและมีสัญชาติอเมริกัน นางชง เข้าออกประเทศไทย 5 ครั้ง เข้าครั้งสุดท้ายวันที่ 5 กรกฎาคม
นางสาวชองเป็นหนึ่งในหกคนที่เสียชีวิตในห้องพักของโรงแรม ผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณทางเข้าห้องพักของโรงแรม พบว่า ไม่มีบุคคลภายนอกกลุ่มเข้ามาเกี่ยวข้อง
พนักงานเสิร์ฟในโรงแรมบอกว่าเขาเคยพบกับคุณชองมาก่อนและสังเกตเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นมีท่าทีตึงเครียดมาก พนักงานเสิร์ฟชมคุณชองในชุดสวยของเธอ แต่เธอก็ไม่ได้ยิ้มกลับ
ข้อมูลกล้องวงจรปิดระบุว่าพนักงานบริการเริ่มทำความสะอาดห้อง 502 เมื่อเวลา 13.01 น. วันที่ 15 ก.ค. จากนั้นนำอาหารมาส่งที่ห้องตามคำขอ เมื่อรูมเซอร์วิสออกเวลา 13.57 น. มีเพียงคุณชองอยู่ในห้อง พนักงานเสิร์ฟเสนอให้มาชงชาแต่คุณชองปฏิเสธ
เวลา 14.04 น. คนอื่นๆ ผลัดกันลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาในห้องนี้ ตั้งแต่เวลา 14:17 น. ทั้ง 6 คนอยู่ในห้องและไม่เคยออกไปเลย
ในช่วงบ่ายของวันที่ 16 ก.ค. ตำรวจไทยพบศพชาวต่างชาติ 6 ราย เป็นชาย 3 ราย หญิง 3 ราย เป็นชาวเวียดนาม 4 ราย และชาวอเมริกันเชื้อสายเวียดนาม 2 ราย ในห้อง 502 ชั้น 5 โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ร่างของ น.ส.จง แต่งกายด้วยชุดสีน้ำเงิน ตรงกับชุดที่บันทึกไว้จากกล้องวงจรปิดในล็อบบี้ของโรงแรม เมื่อบ่ายวันที่ 15 ก.ค.
ข้อมูลโรงแรมเผยมีผู้จองทั้งหมด 5 ห้องที่โรงแรม แต่มีผู้เช็คอินเพียง 5 คน และพบศพ 6 ศพ ระบบโรงแรมไม่ได้บันทึกข้อมูลเช็คอินของชายวัย 49 ปี สามีของหญิงเวียดนาม วัย 46 ปี
ก่อนหน้านี้ทางการไทยกล่าวว่าพวกเขากำลังค้นหาที่อยู่ของบุคคลที่ 7 ในกลุ่ม พล.อ.ธีรเดช อัพเดตข้อมูล โดยระบุว่า ตำรวจระบุตัวบุคคลที่ 7 รายนี้เป็นน้องสาวของ 1 ใน 6 เหยื่อที่เดินทางกลับบ้านแล้วตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. และตั้งใจว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับ ‘เรื่อง’ นี้
เจ้าหน้าที่ได้ติดตามคนทั้ง 6 คนตั้งแต่ลงจากเครื่องบินในประเทศไทย และตรวจไม่พบกลุ่มนี้ไปที่อื่น ดังนั้นตำรวจจะต้องสอบสวนว่าใครพบผู้ต้องสงสัยและพิษไซยาไนด์มาจากไหน
ความขัดแย้งทางการค้า
ตำรวจระบุว่าผู้เสียชีวิต 2 ใน 6 รายเป็นสามีและภรรยาที่ทำงานด้านการค้าและวางแผนที่จะเข้าร่วมในโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลในญี่ปุ่น พล.อ.ธีรเดช กล่าวว่า ในกระเป๋าเดินทางจำนวน 6 คน ไม่มีของผิดกฎหมาย มีเพียงเอกสารทางบกเท่านั้น ตำรวจไทยกำลังขอให้แปลเอกสารเหล่านี้เพื่ออำนวยความสะดวกในการสอบสวน
พล.ท.นพสิน พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า คดีนี้เกิดจากข้อพิพาททางธุรกิจระหว่าง น.ส.จง และดัง ฮุง วัน วัย 55 ปี ชาวอเมริกันเชื้อสายเวียดนาม และคนอื่นๆ
ตามที่ พล.อ. นพสิน ระบุว่า คู่รักทั้งสองกลุ่มให้นางจงยืมเงินประมาณ 10 ล้านบาท (278,000 เหรียญสหรัฐ) เพื่อลงทุนในโครงการโรงพยาบาลในญี่ปุ่น เมื่อโครงการต้องหยุดชะงัก ทั้งคู่สงสัยว่า Ms Chong กำลังพยายามนอกใจคู่ของเธอ “นี่เป็นกรณีที่เกิดจากความขัดแย้งส่วนบุคคล และไม่ใช่อาชญากรรมข้ามพรมแดน” เขากล่าว
การที่คนทั้งกลุ่มมารวมตัวกันที่ห้อง 502 ในช่วงบ่ายของวันที่ 15 กรกฎาคม อาจจะเพื่อแก้ไขปัญหาเงินและสินเชื่อในธุรกิจต่างๆ
จากภาพถ่ายและหนังสือเดินทางที่ออกโดยตำรวจไทย นาย Tran Dinh Dung อายุ 65 ปี จากถนน Hai Phong, Tan Chinh Ward, Thanh Khe District เมืองดานัง จำได้ว่าลูกชายของเขาคือ Tran Dinh Phu (เรียกอีกอย่างว่า Phu Gia) . เกีย)
นายภู อายุ 37 ปี ทำงานเป็นช่างแต่งหน้ามา 16 ปี และมักได้รับการว่าจ้างให้เป็นช่างแต่งหน้าจากศิลปิน นางงาม และคนรวย นายจุ๊งเล่าว่าต้นเดือน ก.ค. นายฟูได้รับการว่าจ้างจากผู้หญิงเวียดนาม-อเมริกันที่ทำงานทำธุรกิจให้เดินทางมาประเทศไทยเป็นเวลา 3 วันเพื่อแต่งหน้าด้วยตัวเอง
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม นายฟูได้รับการติดต่อจากผู้หญิงเชื้อสายเวียดนามคนหนึ่งซึ่งจ้างเขาให้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อแต่งหน้าเพื่อ “ร่วมงานกับคู่รัก” ในระหว่างการติดต่อกับพ่อครั้งสุดท้าย ภูประกาศว่างานของเขาในประเทศไทยเป็นไปด้วยดี และเขาจะกลับมาในวันที่ 14 กรกฎาคม
“ลูกของผมทำงานเป็นช่างแต่งหน้ามาโดยตลอดและไม่เคยมีความขัดแย้งหรือขัดแย้งกับใครเลย เรานึกไม่ถึงว่าเมื่อเธอไปทำงานเธอจะกลายเป็นเหยื่อของคดีพิษร้ายแรงที่ถูกกล่าวหา” นายยุ้งกล่าว เสริมว่า “ผมไม่ทราบรายละเอียดของกลุ่มที่จ้างลูกมาเมืองไทยครับ”
ฝ่าม เวียต ฮุง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทย กล่าวว่าเจ้าหน้าที่สถานทูตกำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว และดำเนินงานคุ้มครองพลเมืองที่จำเป็น
ดึ๊กจุง, วันดง (ตาม ข้าวสด,กรุงเทพธุรกิจ–
“ผู้ประกาศข่าวประเสริฐเรื่องแอลกอฮอล์ที่รักษาไม่หาย นักวิชาการด้านวัฒนธรรมป๊อปที่ไม่ให้อภัย เว็บบาโฮลิคที่มีเสน่ห์อย่างละเอียด”