การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าในสัปดาห์นี้และสัปดาห์ต่อๆ ไปอาจยังคงเห็นแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทยลดลงต่อไปเนื่องจากเหตุดังกล่าว ตามที่ ททท. อธิบดีททท. เปิดเผยว่าเหตุกราดยิงที่สยามพารากอนมีผลกระทบต่อจิตวิทยานักท่องเที่ยวจีนในระยะสั้น เมื่อนักท่องเที่ยวหลายกลุ่มและรายบุคคลเลื่อนหรือยกเลิกทริปเที่ยวชม .
นอกจากนี้ ความขัดแย้งระหว่างฮามาสและอิสราเอลทำให้เกิดข้อกังวลด้านความปลอดภัยทั่วโลก นอกจากนี้ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยจะยังคงเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยต่างๆ เช่น ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในวงกว้างภายหลังความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม ประเทศยังคงยึดมั่นตามเป้าหมายที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 28 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้ ปัจจุบันกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของประเทศไทยวางแผนที่จะจัดสรรงบประมาณจำนวน 600 ล้านบาท (16.5 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากโดยมีฉากหลังของการเบิกจ่ายงบประมาณปีงบประมาณ 2567 คาดว่าการเบิกจ่ายงบประมาณจะล่าช้าไปจนถึงเดือนเมษายนปีหน้า รัฐมนตรีสุดาวัน หวังศุภกิจโกศล กล่าวว่า งบประมาณที่เสนอจะถูกจัดสรรให้กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อดำเนินโครงการส่งเสริมการขาย เริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2566 ถึงไตรมาสแรกของปี 2567
ตามรายงานของบางกอกโพสต์ โครงการจูงใจหลักๆ รวมถึง “สิทธิพิเศษหนังสือเดินทางไทยที่น่าอัศจรรย์” คาดว่าจะใช้งบประมาณ 150 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางการช้อปปิ้งที่ต้องการ จะมีการจัดสรรเงินเพิ่มอีก 150 ล้านบาทสำหรับแคมเปญการตลาดในตลาดต่างประเทศ จะใช้งบประมาณประมาณ 200 ล้านบาทในโครงการ “Thailand Festival Experience” มุ่งส่งเสริมเทศกาลสำคัญๆ ใน 5 ภูมิภาค และที่เหลือเป็นโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศที่เรียกว่า “Connecting Local to Global” เพื่อส่งเสริมการเดินทางข้ามภูมิภาค
ตามที่รัฐมนตรีสุดาวันกล่าวว่า โครงการเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับเทศกาลสำคัญๆ หลายเทศกาลในช่วงฤดูท่องเที่ยว เช่น เทศกาลลอยกระทง เทศกาลนับถอยหลังปีใหม่ และวันตรุษจีน และกระทั่งถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ในเดือนเมษายน ปีหน้า . นางสาวสุดาวันกล่าวว่ากระทรวงได้ยื่นข้อเสนอต่อสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้วและกำลังรอการอนุมัติ
รวมอยู่ในโครงการฟื้นฟูการท่องเที่ยวนี้ด้วย ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2566 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567 ผู้มาเยือนประเทศไทยจะได้รับซิมการ์ดโทรศัพท์ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้ โครงการริเริ่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ “ยินดีต้อนรับสู่ประเทศไทย” ที่ดำเนินการโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ AIS 5G ซิมการ์ดจะมาพร้อมกับสิทธิประโยชน์และบริการดิจิทัลมากมาย
ฉัตรทัน กุญชรา ณ อยุธยา รองผู้ว่าการ ททท. ด้านการตลาดระหว่างประเทศในเอเชียและแปซิฟิกใต้ กล่าวว่า การรณรงค์ครั้งนี้ถือเป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทยในช่วงปลายปี การแจกจ่ายซิมการ์ดหนึ่งล้านใบจะได้รับการจัดจำหน่ายโดยสำนักงานภูมิภาคของททท. ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกใต้ โดยร่วมมือกับตัวแทนการท่องเที่ยว สายการบิน และสมาคมระหว่างประเทศต่างๆ
นักท่องเที่ยวสามารถรับของขวัญเมื่อใช้บริการท่องเที่ยวของไทยผ่านพันธมิตรของททท. ในเอเชียและแปซิฟิกใต้ หลังจากได้รับรหัส QR แล้ว นักเดินทางสามารถแลกซิมการ์ดได้ฟรีที่ร้าน AIS ในสนามบินกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิและดอนเมือง) เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต และสมุย
ซิมการ์ด Amazing Thailand travel ทุกใบ เปิดให้ทดลองใช้งานฟรี 1 วัน พร้อมใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสุด 8GB หลังจากนั้นผู้ใช้บริการจะต้องโหลดซ้ำเพื่อใช้งานเว็บไซต์ AIS One-2-Call ต่อไป นอกจากการใช้อินเทอร์เน็ตฟรีแล้ว ผู้เข้าชมยังได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย เช่น ฟรีประกันการเดินทางและโปรโมชั่นจากศูนย์การค้า เช่น กลุ่มเซ็นทรัล คิงเพาเวอร์ สยามพิวรรธน์ (สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และสยามพารากอน) บริการการเดินทางและขนส่งจาก TAGTHAI , Sixt Car Rental, Grab Thailand ฯลฯ
นอกจากนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬายังได้หารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการอนุญาตให้ประชาชนใช้เงินจากกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 เพื่อใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยว ข้อเสนออีกประการหนึ่งคืออนุญาตให้ใช้เงิน 3,000 บาทสำหรับการเดินทางไปยังเมืองชั้นสอง นางสาวสุดาวรรณกล่าวว่าแนวคิดอื่นๆ ที่มีการหารือกันภายใน ได้แก่ การส่งเสริมการขายร่วมกับสายการบิน และการขยายเวลาเปิดทำการของสถานบันเทิงในเชียงใหม่ กรุงเทพฯ และภูเก็ต
อ้างถึงโครงการยกเว้นวีซ่าชั่วคราวสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนและคาซัคตั้งแต่วันที่ 25 กันยายนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 รัฐมนตรีสุดาวันกล่าวว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อกังวลด้านความปลอดภัย ขณะนี้กระทรวงกำลังหารือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการขยายโครงการยกเว้นวีซ่าไปยังประเทศอื่นๆ สัปดาห์หน้า ระหว่างที่นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เยือนจีน ททท. คาดว่าจะลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงกับบริษัทจีน 7 แห่ง รวมถึงสายการบินและตัวแทนการท่องเที่ยวออนไลน์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังคงพิจารณาขยายเวลายกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวอินเดียด้วย อย่างไรก็ตาม ททท. จะประเมินผลการยกเว้นวีซ่าสำหรับนักเดินทางจากประเทศจีนและคาซัคสถานก่อน ซึ่งอาจใช้เวลานานถึงสองเดือน ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะขยายสิทธิพิเศษที่คล้ายกันให้กับนักเดินทางจากประเทศต่างๆ เหล่านี้หรือไม่