ตามหนังสือพิมพ์ บางกอกโพสต์วันที่ 1 ธันวาคม รัฐบาลไทยประกาศจะจัดเทศกาลเล่นน้ำสงกรานต์อันโด่งดังนานถึง 1 เดือน เริ่มในปี 2567 แทนที่จะเป็น 3 วันเช่นเดิม
นางสาวแพทองธาร ชิวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พลังงานอ่อนนุ่มแห่งชาติ (สสช.) เปิดเผยว่า ได้ตกลงที่จะส่งเสริมให้สงกรานต์กลายเป็นหนึ่งในเทศกาลที่มีเอกลักษณ์มากที่สุดในโลก
นางสาวแพทองธาร กล่าวเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมว่า “มาทำให้เทศกาลสงกรานต์เป็นงานที่ทุกคนต้องมาเมืองไทยเพื่อเป็นสักขีพยาน” มาทำให้ประเทศไทย(บ้าน)เป็น 1 ใน 10 เทศกาลที่ดีที่สุดในโลกกันเถอะ »
“ปีหน้า เทศกาลสงกรานต์จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เราจะไม่สาดน้ำเป็นเวลา 3 วัน แต่จะเฉลิมฉลองเทศกาลนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือนทั่วประเทศ” เธอกล่าวเสริม
นางสาวแพทองธารเขียนบนเพจ Facebook ส่วนตัวของเธอว่าคณะกรรมการคาดว่าเทศกาลอันยาวนานนี้จะสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจไทยถึง 35 พันล้านบาท (มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์)
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน NSPSC ได้ร่างงบประมาณที่จัดสรรเกือบ 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับกิจกรรมต่างๆ ได้แก่ เทศกาล (28.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) อาหาร (28.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) การท่องเที่ยว (20.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ความบันเทิง (15.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) กีฬา (14.34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ศิลปะไทย (10.9 ล้านเหรียญสหรัฐ) การออกแบบเชิงสร้างสรรค์ (8.9 ล้านเหรียญสหรัฐ) ดนตรี (4.13 ล้านเหรียญสหรัฐ) และหนังสือ (เกือบ 2 ล้านเหรียญสหรัฐ)
ดร.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธาน กสทช. กล่าวว่า รัฐบาลจะต้องผ่านพระราชบัญญัติ Soft Power และจัดตั้งสำนักงานสร้างสรรค์เนื้อหาไทย (Thacca) เพื่อส่งเสริมพลังอ่อนของประเทศ
Thacca Project Phase 2 จะฝึกอบรมผู้คน 20 ล้านคนเพื่อจัดตั้งคณะกรรมการย่อยเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ 12 อุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน ได้แก่ อาหาร กีฬา เทศกาล การท่องเที่ยว ดนตรี หนังสือ ภาพยนตร์ เกม ศิลปะ การออกแบบ และแฟชั่น
นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า กสม.จะทบทวนคำของบประมาณในวันที่ 14 ธันวาคม ก่อนส่งรายงานขั้นสุดท้ายในเดือนมกราคม 2567
ชฎาทิพ จูตระกูล ผู้อำนวยการกลุ่มสยามพิวรรธน์ และประธานคณะอนุกรรมการเทศกาล กล่าวว่า คณะอนุกรรมการเทศกาลมีแผนจะจัดงานมากกว่า 10,000 งานทั่วประเทศไทยตลอดปี 2567
นางสาวชฎาทิพ กล่าวว่า สงกรานต์ 2567 จะจัดขึ้นที่ถนนราชดำเนินและสถานที่อื่นๆ ในย่านเมืองเก่าของกรุงเทพฯ นอกจากนี้จังหวัดจะจัดเทศกาลน้ำเพื่อส่งเสริมประเพณีของตนเอง