สงกรานต์เป็นการเฉลิมฉลองปีใหม่ไทยตามประเพณี มีการเฉลิมฉลองอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2484 จนถึงปัจจุบัน
ในปีนี้ มีเทศกาลหลัก 3 เทศกาลเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 ถึง 13 เมษายน ในอดีตพิธีสาดน้ำตรงกับฤดูเก็บเกี่ยว ผู้คนจึงสร้างกิจกรรมเพื่อการผ่อนคลาย สร้างบรรยากาศให้เยาวชนได้มีปฏิสัมพันธ์และคลายร้อนในช่วงฤดูร้อน
ต่อมาสงกรานต์ได้แพร่กระจายไปทั่วชุมชน กลายเป็นหนึ่งในเทศกาลที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้มาเยือนประเทศไทยมากที่สุด
เทศกาลนี้มีความหมายว่า การสาดน้ำเพื่อขจัดโชคร้าย บรรเทาความโศกเศร้า และนำโชคดีมาสู่ผู้เข้าร่วม คนไทยเชื่อว่ายิ่งคนตกน้ำมากเท่าไร เขาจะได้รับความรักความห่วงใยจากผู้อื่นมากขึ้นและจะโชคดีมากขึ้นเท่านั้น
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 สงกรานต์ได้รับการบรรจุอย่างเป็นทางการในรายการมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติโดย UNESCO ด้วยตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ ในปีนี้ประเทศไทยกำลัง “เล่นใหญ่” ด้วยการจัดกิจกรรมและกิจกรรมสำคัญๆ มากมาย พร้อมทั้งช่วยลดค่าตั๋วเครื่องบินเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สนุกสนานมากขึ้น
นอกจากกรุงเทพฯ แล้ว 5 จังหวัดยังจัดกิจกรรมความบันเทิงทางวัฒนธรรมอีกมากมาย เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น สมุทรปราการ ชลบุรี และภูเก็ต
ใบไม้ บางกอกโพสต์ คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นในครั้งนี้ประมาณกว่า 120,000 คน สร้างรายได้มหาศาลให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม เทศกาลนี้มักเรียกกันว่า “วันอันตราย” เนื่องจากมักเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงและถึงแก่ชีวิต
จากสถิติของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เทศกาลสงกรานต์ปี 2566 มีอุบัติเหตุมากกว่า 2,000 ครั้ง คร่าชีวิตผู้คนไป 236 ราย บาดเจ็บมากกว่า 2,000 ราย รวมทั้งแขกชาวต่างชาติและคนในพื้นที่ กรุงเทพมหานครเป็นสถานที่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด
ในเทศกาลปีนี้ เฉพาะในช่วงสามวันแรก มีผู้เสียชีวิต 116 ราย และบาดเจ็บเกือบ 1,000 ราย นายวิทยา ยะเมือง ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า สาเหตุของอุบัติเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือการขับรถเร็วและเมาแล้วขับ
2 จังหวัดนครศรีธรรมราชและสงขลามีอุบัติเหตุสูงสุดจังหวัดละ 39 ราย สงขลามีผู้บาดเจ็บสูงสุด 45 ราย กรุงเทพฯ ติดอันดับผู้เสียชีวิต 8 ราย
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยธรรมชาติได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้นในวันที่ 13 เมษายน ซึ่งเป็นวันที่สามของเทศกาลสงกรานต์ สรุปในวันนั้นเกิดอุบัติเหตุ 392 ครั้ง บาดเจ็บ 411 ราย เสียชีวิต 48 ราย สาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ ขับรถเร็ว 40.05% เมาแล้วขับ 27.81% และการชนกับรถคันอื่น 16.84%
ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือรถจักรยานยนต์ ร้อยละ 85.5 อุบัติเหตุเกิดขึ้นบนถนนเป็นหลัก คิดเป็นร้อยละ 81.63 อุบัติเหตุบนทางหลวงร้อยละ 35.97 และเกิดขึ้นในชนบทร้อยละ 30.1
ช่วงที่มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือระหว่างเวลา 18.00 น. ถึง 19.00 น. หรือ 9.18% กลุ่มอายุที่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมากที่สุด คือ อายุ 30-39 ปี คิดเป็นร้อยละ 18.52
วันนี้ถนนหลายสายในประเทศไทยเปียกจึงลื่นได้ง่าย เพื่อลดสถานการณ์นี้ ตำรวจจราจรไทยจึงใช้มาตรการต่างๆ ทุกปี เช่น การตั้งจุดตรวจ เตือนผู้ใช้ถนนให้สวมหมวกกันน็อค ปฏิบัติตามกฎหมายจราจร เดินทางด้วยความเร็วที่ถูกต้อง และไม่ใช้จักรยานขณะขับขี่
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวได้รับการเตือนไม่ให้ใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงเมื่อยิงผู้คนที่อ่อนแอ สวมเสื้อผ้าที่เปิดเผย หรือเปลือยกาย กรณีล่วงละเมิดทางเพศหรือสัมผัสร่างกายควรรายงานต่อตำรวจท้องที่
“ผู้จัดงานที่อุทิศตน นักคิดที่รักษาไม่หาย นักสำรวจ ขี้ยาทางทีวี คนรักการเดินทาง ผู้ก่อปัญหา”