สมาชิกสภานิติบัญญัติของพรรค Move Forward ทั้งหมดตัดสินใจจัดตั้งพรรคใหม่โดยมีผู้นำคนใหม่ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญขอให้ยุบพรรค
หลังการปฏิรูป พรรคฝ่ายค้านของไทย เดินหน้าต่อไป จะเรียกว่าประชาชล (ประชาชน) และจะนำโดย ณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีวัย 37 ปี เป็นพรรคที่มีที่นั่งมากที่สุดในรัฐสภาไทยโดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 143 คน
“ฉันได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค ภารกิจของเราคือการทำงานเพื่อมุ่งสู่รัฐบาลแห่ง ‘การเปลี่ยนแปลง’ สำหรับการเลือกตั้งปี 2570” ณัฐพงศ์กล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงเทพฯ วันนี้
ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญกรุงเทพมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยุบพรรคก้าวไปข้างหน้า (MFP) และห้ามสมาชิกแกนนำพรรคเข้าร่วมการเมืองเป็นเวลา 10 ปี รวมทั้งนายพิต้า ลิ้มเจริญรัตน์ อายุ 43 ปีด้วย
ก่อนหน้านี้ นายปิตา ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยพรรค MFP และนำพรรคก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม MFP ไม่มีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน พรรคเพื่อไทย ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อเดือนมกราคมว่าแผนของ MFP ในการแก้ไขกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพขัดต่อรัฐธรรมนูญ ถือเป็นแผนการโค่นล้มสถาบันกษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ MFP ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้หลายครั้ง
นายณัฐพงศ์ แถลง พรรคประชาชล มีแผนแก้ไข พ.ร.บ. หมิ่นพระบรมเดชานุภาพต่อไป แต่จะดำเนินการด้วยความระมัดระวัง
“เราเสนอให้แก้ไขมาตรา 112 เพื่อให้แน่ใจว่ากฎหมายนี้ไม่กลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่ใช้ในการกดขี่ผู้อื่น แต่เราจะไม่ประมาท เรายังคงผลักดันให้กฎหมายนี้ปรับปรุงแก้ไขต่อไป” นายณัฐพงศ์ กล่าว
ประเทศไทยมีกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่เข้มงวดที่สุดในโลก โดยกำหนดว่าใครก็ตามที่ “หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือข่มขู่พระมหากษัตริย์ ราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์” จะถูกตัดสินจำคุก 3 ถึง 15 ปี หลังจากการเคลื่อนไหวประท้วงในปี 2563 ประเทศนี้ได้เพิ่มความเข้มแข็งให้กับกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและเพิ่มการปฏิบัติต่อผู้กระทำความผิด
ง็อก อันห์ (ตาม เอเอฟพี/รอยเตอร์–
“แฟนท่องเที่ยว เกมเมอร์ ผู้คลั่งไคล้วัฒนธรรมป๊อปฮาร์ดคอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโซเชียลมีเดียมือสมัครเล่น คอฟฟี่ เว็บเทรลเบลเซอร์”