เมื่อวันที่ 12 มีนาคม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศว่าหน่วยงานได้ “บรรลุฉันทามติ” เกี่ยวกับข้อเสนอแนะให้ยุบพรรคก้าวไปข้างหน้า (MFP) ซึ่งนำโดยนายพิต้า ลิ้มเจริญรัตน์
คณะกรรมการการเลือกตั้งของประเทศไทย กล่าวว่า “มีหลักฐานว่าพรรคก้าวหน้า (MFP) กำลังบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยซึ่งมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กกต.กำลังตรวจสอบวิเคราะห์คำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ขอให้ “ศาลรัฐธรรมนูญยุบ สพฐ.”
ใบไม้ บางกอกโพสต์ พริต วัชรสินธุ โฆษกพรรค MFP กล่าวเมื่อวันที่ 12 มีนาคมว่า พรรคจะต่อสู้คดีในชั้นศาล และพร้อมในกรณีที่พรรคถูกยุบ
ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง MFP ให้คำมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงกฎหมายห้ามดูหมิ่นสถาบันกษัตริย์ไทย อย่างไรก็ตามในช่วงปลายเดือนมกราคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญไทยมีคำพิพากษาว่า พ.ร.บ. ละเมิดรัฐธรรมนูญ
ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ MFP ละทิ้งแผนแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือที่เรียกว่ากฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ศาลรัฐธรรมนูญประกาศว่า การกระทำของ MFP ถือเป็นความพยายามที่จะ “โค่นล้มรัฐบาลประชาธิปไตย” จึงเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญ
กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของประเทศไทยกำหนดบทลงโทษที่เข้มงวด โดยการละเมิดแต่ละครั้งมีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี
MFP เป็นพรรคที่จบอันดับหนึ่งในการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรไทยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 และเป็นผู้นำแนวร่วมของ 8 พรรคที่ครองเสียงข้างมากในร่างนี้ รวมทั้งพรรคเพื่อไทยด้วย
อย่างไรก็ตาม นโยบายการดำเนินการของ MFP เผชิญกับการต่อต้านจากพรรคอนุรักษ์นิยมและกองทัพซึ่งควบคุมที่นั่ง 249 ที่นั่งในวุฒิสภา
ในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีทั้งสองสภาที่ผ่านมา ผู้สมัคร MFP นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่สามารถได้รับคะแนนเสียงข้างมากได้ สาเหตุหลักมาจากขาดการสนับสนุนจากวุฒิสภา
ขณะนั้น นายชัยธวัช ตุลาทร เลขาธิการพรรค MFP ประกาศว่าพรรค MFP ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งและปูทางให้พรรคเพื่อไทยเข้ามารับผิดชอบในการจัดตั้งรัฐบาลไทยชุดใหม่
“แฟนท่องเที่ยว เกมเมอร์ ผู้คลั่งไคล้วัฒนธรรมป๊อปฮาร์ดคอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโซเชียลมีเดียมือสมัครเล่น คอฟฟี่ เว็บเทรลเบลเซอร์”