หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม อ้างคำพูดของ ภูมิธรรม เวชยะชัย รองประธานพรรคเพื่อไทยว่า เส้นทางสู่การเป็นนายกรัฐมนตรีของไทยสำหรับนายพิต้า ลิ้มเจริญรัต หัวหน้าพรรคจะยากขึ้นเมื่อเขาประกาศเจตนารมณ์ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ และยังกีดกันสมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับการแต่งตั้งด้วย ในฐานะสมาชิกสภาที่ได้รับเลือกตามสิทธิออกเสียงลงคะแนนของตน
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม จากสมาชิกวุฒิสภาชุดปัจจุบันทั้งหมด 249 คน มีเพียง 13 คนเท่านั้นที่ลงมติเห็นชอบให้นายปิตาเป็นนายกรัฐมนตรี
นายภูมิธรรม ย้ำว่า นายปิตาไม่ควรดำเนินการหาเสียงเลือกตั้งต่อไป หรือคงข้อเสนอที่จะลิดรอนสิทธิสมาชิกวุฒิสภาในการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี เพื่อไทย รองหัวหน้าพรรคกล่าวว่าการยุติสิทธิของสมาชิกวุฒิสภาในการลงคะแนนเสียงให้นายกรัฐมนตรีไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของบันทึกความเข้าใจที่ได้รับอนุมัติจากแนวร่วม 8 พรรค
หากนายปิต้าล้มเหลวอีก พรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่
นายภูมิธรรมเตือนว่าหากพันธมิตรทั้ง 8 ล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงในประเด็นการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี พรรคอื่นๆ ก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ อีกฝ่ายมีคะแนนเสียง 188 เสียงและอาจได้รับการสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก 249 เสียง ซึ่งจะทำให้พวกเขามีเสียงข้างมากในทั้งสองสภา
“เรายังคงต้องการรักษาแนวร่วม 8 พรรค แต่เราต้องมีคำตอบที่ชัดเจนและไม่ลงคะแนนเสียงต่อไปโดยไม่มีวิธีแก้ปัญหาสำหรับประเทศ เราไม่สามารถรอจนถึงปีหน้าได้เพราะประเทศกำลังเผชิญกับปัญหามากมาย” จริงจังมาก ไม่ต้องกังวลกับผู้สมัครเพื่อไทย เรามีผู้สมัครถึง 3 คน เมื่อทุกอย่างชัดเจนเราก็สามารถนัดหมายได้ทันที” นายภูมิธรรมกล่าว
ผู้สมัครหลักของพรรคเพื่อไทย ได้แก่ แพทองธาร ชินวัตร (ลูกสาวของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร), เศรษฐา ทวีสิน และชัยเกษม นิติสิริ
นายเศรษฐา ทวีสิน ประกาศความพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี หากได้รับความไว้วางใจจากพรรค
นายเศรษฐา กล่าวว่า “พวกเราพรรคเพื่อไทยหารือเรื่องนี้มาเป็นเวลาสี่เดือนแล้ว ถ้าไม่พร้อมก็คงไม่ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคให้เป็น 1 ใน 3 ผู้สมัครนายกรัฐมนตรี
นายเศรษฐากล่าวว่าขณะนี้มีความจำเป็นเร่งด่วนในการเร่งจัดตั้งรัฐบาลผสมใหม่และดำเนินมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ตามที่เขาพูด หลายคนต้องดิ้นรนจริงๆ เมื่อเศรษฐกิจชะลอตัว และความรับผิดชอบหลักของเพื่อไทยคือการแก้ปัญหาเร่งด่วนนี้
แหล่งข่าวพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า หากนายปิตาไม่ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีอีกหรือไม่ได้รับคะแนนเสียงในสมัชชามากพอ พรรคเพื่อไทยจะเสนอให้เลื่อนการลงคะแนนออกไปเป็นสัปดาห์หน้าแล้วจึงแต่งตั้งนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี .
หลังจากที่พรรคก้าวหน้าชนะการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพฤษภาคม นายปิตาก็ได้ก่อตั้งพันธมิตรกับพรรคอื่นอีก 7 พรรค รวมทั้งพรรคเพื่อไทย เพื่อรับการสนับสนุนอย่างมากในรอบการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี ซึ่งประกาศเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม
อย่างไรก็ตาม ในการลงคะแนนเสียงเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม แม้จะเป็นผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว แต่นายปิต้าก็ยังขาดคะแนนขั้นต่ำที่จะเป็นผู้นำคนต่อไปของประเทศไทย
เมื่อวันที่ 15 ก.ค. นายปิตาประกาศว่าหากยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐสภาในการลงคะแนนเสียงครั้งต่อไป เขาก็พร้อมที่จะลาออก