เฉลิมฉลองครบรอบ 47 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูต (พ.ศ. 2519-2566) และ 10 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ระหว่างเวียดนามและไทย (พ.ศ. 2556-2566) ในวันที่ 3-4 ส.ค. คณะกรรมการประชาชนจังหวัดกวางจิ ประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ การต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูตไทยในเวียดนามจัดการประชุม Meet Thailand ที่เมืองดงฮา จังหวัดกว๋างจิ
ในโปรแกรมนี้ มีการอภิปรายที่สำคัญสองช่วงในหัวข้อ “พลังงานทดแทนและการเกษตรที่มีเทคโนโลยีสูง” “ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก – การส่งเสริมความร่วมมือและการบูรณาการของห่วงโซ่อุปทาน”
การอภิปรายสองช่วงโดยมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก บริษัทจากประเทศไทย เวียดนาม และตัวแทนของผู้นำจังหวัด ได้แก่ Quang Binh, Nghe An, Dien Bien, Thua Thien Hue, Quang Tri
การพัฒนาพลังงานหมุนเวียนเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นอย่างมาก
ในเวียดนามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการพัฒนากลไกและนโยบายมากมายเพื่อพัฒนาพลังงานหมุนเวียนโดยเน้นการส่งเสริมการพัฒนาแหล่งพลังงานที่ใช้พลังงานหมุนเวียน ได้แก่ พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ ท้องฟ้า ชีวมวล…นี่ก็เป็นคำถามเช่นกัน ที่นักลงทุนไทยให้ความสนใจและมองเห็นโอกาสในการลงทุนที่ดีเยี่ยม
ปัจจุบันบริษัทไทยกำลังรอนโยบายกำหนดกรอบราคาการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมและนำเงื่อนไขสัญญาซื้อขายไฟฟ้าไปปฏิบัติเพื่อเจรจาต่อไป
นางสาวกฤติยา เพชรสี ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์นโยบายและวางแผนอาวุโส หัวหน้าฝ่ายความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ กรมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กระทรวงพลังงาน ประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำเป็นต้องเพิ่มการผลิต พลังงานทดแทน เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์… ซึ่งเป็นพื้นที่ที่น่าสนใจของทั้งสองประเทศซึ่งสามารถเรียนรู้ ลงทุน และร่วมมือกันเพื่อควบคุมศักยภาพและประโยชน์ของการพัฒนาเศรษฐกิจ
นายสมเกียรติ พงศ์ปิยะไพบูลย์ Country Director of B.Grimm Vietnam Energy Group ตัวแทน Thaicham Energy Working Group กล่าวชื่นชมนโยบายของรัฐบาลเวียดนามที่ตรงต่อเวลา รวมถึงนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งสนับสนุนให้บริษัทต่างชาติลงทุนในพลังงานทดแทน โดยเฉพาะบริษัทไทย .
นายสมเกียรติ พงศ์ปิยะไพบูลย์ หวังว่าเวียดนามจะยังคงปรับปรุงกลไกนโยบายและสภาพแวดล้อมการลงทุนต่อไป เพื่อให้บริษัทไทยเข้ามาลงทุนในเวียดนามมากขึ้น…
ในด้านการลงทุนด้านการเกษตรที่มีเทคโนโลยีสูง ตัวแทนจากจังหวัด Dien Bien และ Nghe An ได้แนะนำให้นักลงทุนชาวไทยทราบถึงศักยภาพ ข้อได้เปรียบ โอกาสในการร่วมมือด้านการลงทุน และนโยบายสิทธิพิเศษของท้องถิ่น
กล่าวปิดท้ายการประชุมเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรไทยประจำเวียดนาม นิกรเดช บาลานกุระ เชื่อว่าการประชุม “พบปะประเทศไทย” จะเป็นก้าวสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเวียดนามในทุกพื้นที่สร้างเงื่อนไขให้ทั้งสองประเทศในการ บรรลุเป้าหมายการค้า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2568 และทำให้ไทยเป็นนักลงทุนต่างชาติรายที่ 5 ในเวียดนามในอนาคตอันใกล้นี้
“ผู้ประกาศข่าวประเสริฐเรื่องแอลกอฮอล์ที่รักษาไม่หาย นักวิชาการด้านวัฒนธรรมป๊อปที่ไม่ให้อภัย เว็บบาโฮลิคที่มีเสน่ห์อย่างละเอียด”