ในการกล่าวสุนทรพจน์ นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินต่อครัวเรือนและรัฐอยู่ในระดับสูง โดยอยู่ที่ 90% และ 61% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ตามลำดับ (GDP) รัฐบาลจึงต้องดำเนินการ “แก้ไข” ทันทีเพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและพัฒนา
มาตรการที่จะดำเนินการเร็วๆ นี้ ได้แก่ การให้สกุลเงินดิจิทัลแก่พลเมืองทุกคนจำนวน 10,000 บาท (280 ดอลลาร์) (กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท) เพื่อช่วยอัดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ ประเทศต่างๆ มากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มการใช้จ่าย การลงทุน การพัฒนาธุรกิจ และการสร้างงาน ในขณะที่เพิ่มรายได้จากภาษี นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เน้นย้ำว่าโครงการ e-wallet นี้ “จะทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นให้เศรษฐกิจของประเทศตื่นตัวอีกครั้ง » รัฐบาลไทยวางแผนที่จะใช้งบประมาณของรัฐและภาษีเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนโครงการ e-wallet – คาดว่าโปรแกรม Wallet จะเริ่มใช้งานในไตรมาสแรกของปี 2024
เจ้าหน้าที่ประเมินว่าผลกระทบของโครงการต่อเศรษฐกิจอาจเป็นสี่เท่าของจำนวนเงินที่ใช้ไป และผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็น 5% ในปี 2567
ต่อไปรัฐบาลจะแก้ไขปัญหาหนี้โดยมุ่งหวังทั้งลดภาระหนี้ของเกษตรกร ครัวเรือน และธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง พร้อมประกันว่ามาตรการเลื่อนหนี้จะไม่ทำลายหลักการทางการเงินของเจ้าหนี้หลัก
ในภาคการท่องเที่ยวซึ่งถือเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทย รัฐบาลใหม่ยังตั้งเป้าที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปรับปรุงกระบวนการออกวีซ่า และลดค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวในบางภูมิภาค ประเทศสำคัญบางประเทศจะเปิดวีซ่าเร็ว เปิดเผยเส้นทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยเพื่อร่วมงานการค้าระหว่างประเทศภายในสิ้นปีนี้
“แฟนท่องเที่ยว เกมเมอร์ ผู้คลั่งไคล้วัฒนธรรมป๊อปฮาร์ดคอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโซเชียลมีเดียมือสมัครเล่น คอฟฟี่ เว็บเทรลเบลเซอร์”