(ดTTCO) – เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการส่งออกสู่ตลาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าได้ให้คำแนะนำแก่บริษัทเวียดนาม
ส่งผลให้ธุรกิจจำเป็นต้องเข้าใจรสนิยม ความชอบ และพฤติกรรมการบริโภคของคนไทย ดังนั้น ขั้นตอนการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์จึงต้องตอบสนองความต้องการและความชอบของผู้บริโภคสำหรับผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ที่เตรียมไว้หลายขนาด โดยเฉพาะแนวโน้มการบริโภคสีเขียว สินค้าออร์แกนิกและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยในด้านอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภค
นอกจากนี้ธุรกิจจำเป็นต้องศึกษาและวิจัยอย่างละเอียด โดยเฉพาะมาตรฐานทางเทคนิค กระบวนการ และเงื่อนไขในการขอใบรับรองการนำเข้าจากหน่วยงานราชการ ขณะเดียวกันก็จำเป็นที่จะต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการแปรรูปและการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์เพื่อให้มั่นใจในการบำรุงรักษาคุณภาพระหว่างการขนส่ง
นอกจากนี้ สถานประกอบการยังคงมีส่วนร่วมในการจัดนิทรรศการและโครงการส่งเสริมการค้าที่จัดโดยกระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ เพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ ค้นหาพันธมิตรที่เหมาะสม และส่งเสริมแบรนด์บนพื้นฐานความไว้วางใจของผู้บริโภคที่มีอยู่ จึงสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี ราคาที่แข่งขันได้
กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้ากล่าวว่าในช่วงที่ผ่านมา ความร่วมมือทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศมีการเติบโตที่มั่นคงและชัดเจนทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ ปัจจุบันประเทศไทยเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนามในอาเซียน ขณะเดียวกันเวียดนามก็เป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับสองของไทย (รองจากมาเลเซีย) ในอาเซียน
ในช่วงปี 2556-2566 ตามสถิติของอธิบดีกรมศุลกากร มูลค่าการนำเข้าและส่งออกรวมระหว่างทั้งสองประเทศเพิ่มขึ้นจาก 10.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ในปี 2556) เป็นเกือบ 19 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ในปี 2566) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2565 มูลค่าการนำเข้าและส่งออกรวมระหว่างทั้งสองประเทศจะมีมูลค่าสูงถึง 21.6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเกินกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก ปัจจุบัน ทั้งสองประเทศมีเป้าหมายที่จะบรรลุมูลค่าการซื้อขายทวิภาคีที่ 25 พันล้านดอลลาร์ในทิศทางที่สมดุลมากขึ้นในไม่ช้า
ทันห์ ลัม