ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของประเทศไทยระบุว่าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมถึง 30 มิถุนายน ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 17.5 ล้านคน สร้างรายได้มากกว่า 825 พันล้านบาท (ประมาณ 22 พันล้านบาท) 5 ประเทศที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวเข้าไทยมากที่สุด ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลี และรัสเซีย ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมิถุนายนเพียงสัปดาห์เดียว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาที่ “ดินแดนแห่งวัดทอง” จำนวน 660,000 คน เพิ่มขึ้น 2.98% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน
ในบริบทนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มุ่งหวังที่จะสร้างประสบการณ์ที่น่าสนใจให้กับนักท่องเที่ยวพร้อมทั้งเพิ่มการใช้จ่ายแทนที่จะเน้นเพียงจำนวนนักท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มรายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ตามที่บางกอกโพสต์สนับสนุนคณะรัฐมนตรีของไทยประกาศว่าจะปิดร้านค้าปลอดภาษีในพื้นที่ขาเข้าของสนามบินนานาชาติเพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายในร้านค้าในประเทศมากขึ้นโดยหวังว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะช่วยเพิ่มการค้าปลีกในประเทศ การใช้จ่าย 3.5 พันล้านบาท (ประมาณ 96 ล้านเหรียญสหรัฐ) ต่อปี
นางสาวรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกรัฐบาลไทย กล่าวว่า สัปดาห์นี้ รัฐมนตรีได้นำแนวปฏิบัติเพื่อส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการค้า ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ บริษัท 3 แห่งที่ดำเนินงานในภาคช้อปปิ้งปลอดภาษีได้ตกลงที่จะระงับการดำเนินการชั่วคราวในสนามบินนานาชาติ 8 แห่งของประเทศ ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ อู่ตะเภา สมุย และกระบี่
ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าการตัดสินใจนี้จะเริ่มดำเนินการเมื่อใด จากข้อมูลของกรมศุลกากรไทย ยอดขายร้านค้าปลอดภาษีในพื้นที่ขาเข้าของสนามบินนานาชาติในปี 2566 มีมูลค่า 3.02 พันล้านบาท กระทรวงการคลังประเมินว่าการปิดร้านค้าปลอดภาษีในบริเวณขาเข้าของสนามบินนานาชาติจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น เมื่อใช้จ่ายครบ 570 บาท/ท่าน/เที่ยว
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทยได้ประกาศว่าจะยกระดับการปราบปรามกิจกรรมการท่องเที่ยว “0 ดอง” โดยเฉพาะกับบริษัทจีนที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ปัญหานี้ไม่เพียงแต่ทำให้ภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยเสื่อมเสียเท่านั้น แต่ยังสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อกิจกรรมทางธุรกิจของตัวแทนท่องเที่ยวในประเทศนี้เนื่องจากไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้
กลยุทธ์การเดินทางศูนย์เหรียญที่ประเทศไทยเคยใช้เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีน กำลังถูกจำลองเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากอินเดียและรัสเซีย ผู้เข้าชมทัวร์นี้มักจะได้รับราคาฟรีหรือราคาถูก แต่ต้องแวะช้อปปิ้งหลายแห่งเป็นการแลกเปลี่ยน นายสีศดิวัคร ชีววัฒนาพร นายกสมาคมการท่องเที่ยวไทย กล่าวว่า เขาได้หยิบยกประเด็นนี้ร่วมกับนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และยืนยันว่าทัวร์ศูนย์เหรียญสามารถเอาชนะการแข่งขันที่ดีและผลกำไรของการท่องเที่ยวทั้งหมดได้ สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ เพราะบริษัทที่ขายสินค้าเหล่านี้มักจะหลีกเลี่ยงภาษี
นอกจากนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเพิ่งประกาศแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้โดยเน้นดึงดูดลูกค้าจากตลาดทางไกล กลุ่มแรกคือประเทศที่มีเสถียรภาพ หรือที่เรียกว่า “ดวงดาว” รวมถึงรัสเซีย สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และฝรั่งเศส นักท่องเที่ยวจากประเทศเหล่านี้คุ้นเคยกับประเทศไทยและมีแนวโน้มจะมาเยือนราชอาณาจักรก่อนสิ้นปีนี้
กลุ่มที่สองคือกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพสูง – เรียกว่า “ดาวรุ่ง” – รวมถึงแคนาดา อิตาลี คาซัคสถาน โปแลนด์ เดนมาร์ก และซาอุดีอาระเบีย เหล่านี้เป็นประเทศที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายยกเว้นวีซ่าของประเทศไทยและยังมีศักยภาพในการเปิดเที่ยวบินมายังประเทศไทยเพิ่มเติม
เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยบรรลุเป้าหมาย รัฐบาลได้เพิ่มจำนวนประเทศและดินแดนที่เข้าเกณฑ์โดยไม่ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศจาก 57 ประเทศเป็น 94 ประเทศ โดยติมอร์ เลสเตอร์เป็นประเทศล่าสุดที่ปรากฏในรายการนี้ –
จากข้อมูลของ Nikkei Asia การรักษาโมเมนตัมการเติบโตของเดือนมิถุนายน ททท. ยังคงส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านนโยบาย “IGNITE Thailand’s Tourism” ททท.จึงมุ่งเน้นไปที่เมืองใหญ่และเชื่อมโยงเมืองใหญ่กับจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจอื่นๆ โดยเริ่มจากจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น นครราชสีมา ซึ่งมอบประสบการณ์การเดินทางที่ครบครันทั้งการขับรถเที่ยวธรรมชาติ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์
ททท.ตั้งเป้าสร้างนครราชสีมาเป็นเมืองมรดกโลกแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทยโดยองค์การยูเนสโก ประกอบด้วย สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และอุทยานธรณีโคราช นอกจากนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬายังคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นด้วยปัจจัยต่างๆ เช่น ความนิยมของมิวสิควิดีโอใหม่ร็อคสตาr” โดยนักร้องสาว Lisa Blackpink และวันหยุดฤดูร้อนของนักท่องเที่ยวชาวยุโรป
เพื่อไม่ให้ถูกขัดขวางจากสัญญาณการใช้จ่ายที่ลดลงของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ททท. เพิ่งประกาศยุทธศาสตร์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 40 ล้านคน และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 3.4 ล้านล้านบาท (ประมาณ 113.3 พันล้านในปี 2568) ประธานคณะกรรมการ ททท. กล่าว ณัฐริยะ ทวีวงศ์. ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสอดคล้องกับประกาศของรัฐบาลไทยที่ต้องการส่งเสริม “ดินแดนแห่งวัดทอง” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ
กลยุทธ์ของททท. ได้แก่ การดึงดูดกิจกรรมสำคัญๆ เข้ามาในประเทศ และการนำเสนอแพ็คเกจทัวร์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของนักเดินทางรายบุคคล เช่น ผู้สูงอายุ และนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ น.ส.ณัฐรียา ตั้งข้อสังเกตว่าความนิยมของนักท่องเที่ยวมีการเปลี่ยนแปลงไปในช่วงหลังการระบาด แต่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยได้ทันที ไม่เหมือนอุตสาหกรรมส่งออกซึ่งอาจต้องใช้เงินมากขึ้น จะใช้เวลาสักระยะหนึ่งจึงจะฟื้นตัวได้เต็มที่
เธอกล่าวว่าแม้รายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีแรกจะไม่เป็นไปตามคาด แต่ ณัฐริยา คาดว่าประเทศไทยสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มากถึง 39 ล้านคนในปีนี้ และมีรายได้จากการท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาทตามที่คาดไว้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากสิ่งนี้ สู่กิจกรรมการท่องเที่ยวสำคัญๆ ในช่วงปลายปี
ในขณะเดียวกัน อธิบดีททท. ฐาปณี เกียรติไพบูลย์ กล่าวว่าภายในปี 2568 ททท. ตั้งเป้าให้เมืองรองสามารถสร้างรายได้ 25% ต่อปีด้วยการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายสูง นางสาวฐาปนีกล่าวว่า ททท. จะนำเสนอผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวและสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ในยุโรป สหรัฐอเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถในการบินเพื่อช่วยเหลือนักเดินทางระยะไกล
หน่วยงานการท่องเที่ยวของไทยจะใช้มาตรการต่างๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วเอเชียและแปซิฟิกใต้ ได้แก่ จีน อินเดีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน (จีน) อินโดนีเซีย ปากีสถาน บังคลาเทศ และฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ประเทศยังตั้งเป้านักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในระยะยาว
“ผู้ประกาศข่าวประเสริฐเรื่องแอลกอฮอล์ที่รักษาไม่หาย นักวิชาการด้านวัฒนธรรมป๊อปที่ไม่ให้อภัย เว็บบาโฮลิคที่มีเสน่ห์อย่างละเอียด”