การท่องเที่ยวเวียดนามมีการเติบโตเร็วกว่าบางประเทศในเอเชีย แต่เพื่อให้ยั่งยืน จำเป็นต้องขจัดอุปสรรคด้านวีซ่าและเปิดเส้นทางการบินมากขึ้น
อัตราการเติบโตของการท่องเที่ยวของเวียดนามในช่วง 5 เดือนแรกของปีอยู่ในอันดับที่ 3 ของประเทศอื่นๆ ในเอเชีย รองจากประเทศไทยและญี่ปุ่น ตามการระบุของ Omri Morgenshtern ซีอีโอของอโกด้า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันก่อนเกิดโรคระบาด เวียดนามมีอันดับเพิ่มขึ้น 2 อันดับ (อัตราการเติบโตขึ้นอยู่กับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในประเทศ และต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น)
ปัจจุบันเกาหลีเป็นตลาดการท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของไทย รองลงมาคือมาเลเซียและจีน (ก่อนเกิดการระบาด ตลาดการท่องเที่ยวจีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุด) อย่างไรก็ตาม ตลาดนักท่องเที่ยวเกาหลีก็แห่กันไปที่เวียดนามมากขึ้นเช่นกัน จากข้อมูลของ Morgenshtern จำนวนบริษัทเกาหลีที่เปิดประตูสู่เวียดนามในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาได้เพิ่มขึ้น ช่วยให้ชาวเกาหลีได้เรียนรู้เกี่ยวกับเวียดนามมากขึ้น “ยิ่งมีการส่งเสริมการลงทุนและธุรกิจมากขึ้น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็จะยิ่งได้รับการส่งเสริมมากขึ้นเช่นกัน” ซีอีโอของอโกด้ากล่าว
มอร์เกนชเทิร์นยังชี้ให้เห็นว่าจำนวนแขกชาวจีนที่จองเข้ามาในประเทศไทยหลังจากที่พรมแดนของประเทศเปิดอีกครั้งในเดือนมกราคมนั้นสูงถึงเกือบ 80% เมื่อเทียบกับก่อนเกิดการระบาด อย่างไรก็ตามในช่วงหลายเดือนต่อมา ดัชนีก็เบี่ยงเบนไปเนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวจีนประสบปัญหาด้านวีซ่า และสายการบินก็จำกัดจำนวนเที่ยวบิน
ในปี 2565 ประเทศไทยจะต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 11 ล้านคน ซึ่งเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้ ภารกิจปัจจุบันของประเทศนี้คือการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน Morgenshtern กล่าวว่าประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการพักผ่อนที่ยอดเยี่ยม แต่จะเป็นการยากที่จะสร้างเหตุผลเพิ่มเติมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว
Morgenshtern ยังยกย่องญี่ปุ่นอีกด้วย “ญี่ปุ่นมีความยืดหยุ่นมาก ผู้คนมาเมืองไทยเพราะอากาศดี ชายหาด ปาร์ตี้ แต่ญี่ปุ่นมีดิสนีย์แลนด์ เมือง และการเดินทางเพื่อธุรกิจผสมผสานกับการท่องเที่ยว”
นายมินห์ (ตาม นิเคอิ เอเชีย–
“ผู้ประกอบการ นักเล่นเกมสมัครเล่น ผู้สนับสนุนซอมบี้ นักสื่อสารที่ถ่อมตนอย่างไม่พอใจ นักอ่านที่ภาคภูมิใจ”