ประเทศไทยเป็นคณะผู้แทนกีฬาที่มีนักกีฬามากที่สุดในงาน Asiad 19 โดยมีผู้เข้าร่วม 939 คนที่มีความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่
เจ้าภาพจีนรั้งอันดับสองด้วยนักกีฬา 887 คน ถัดมาเป็นเกาหลีใต้ 867 ญี่ปุ่น (773) ฮ่องกง (688) และอินเดีย (655) ประเทศที่มีนักกีฬามากกว่า 400 คน ได้แก่ คาซัคสถาน (527 คน) ไต้หวัน (5,240 คน) สิงคโปร์ (431 คน) อินโดนีเซีย (415 คน) มองโกเลีย (408 คน) เวียดนามมีนักกีฬา 337 คน อยู่อันดับที่ 14
เมื่อห้าปีก่อน ไทยส่งนักกีฬา 829 คนไปเอเชียด 18 ซึ่งน้อยกว่าเจ้าภาพอินโดนีเซียและจีนเพียงเท่านั้น
ประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขัน Asiad 19 ทั้งหมด 40 รายการ และตั้งเป้าหมายที่จะคว้าเหรียญทองมาได้ 15 ถึง 23 เหรียญ ครั้งเดียวที่ประเทศไทยคว้าเหรียญทองได้ 15 เหรียญขึ้นไปคือรายการเอเชียดในบ้านปี 1998 โดยมี 24 เหรียญทอง 26 เหรียญเงิน และ 40 เหรียญทองแดงมาอยู่ในอันดับที่สี่ในประเภททั่วไป
ไทยยังต้องการกลับมาเป็นที่หนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกครั้ง ในรอบล่าสุดไทยอยู่อันดับที่ 12 โดยรวม 11 เหรียญทอง 16 เหรียญเงิน 46 เหรียญทองแดง อินโดนีเซีย เป็นเจ้าภาพและอยู่ในอันดับที่ 4 โดยมี 31 เหรียญทอง 24 เหรียญเงิน และ 43 เหรียญทองแดง
กรมพัฒนากีฬาอาวุโส การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) คาดการณ์ว่าจะสามารถคว้า 23 เหรียญทอง ได้แก่ มวยสากล (5 เหรียญทอง), เซปักตะกร้อ, กรีฑา (3), คาราเต้ (2), ยิวยิตสู, เทควันโด , ยิงปืน, eSports, แล่นเรือใบ, ขี่ม้า, โรลเลอร์สเก็ต, ปั่นจักรยาน, กาบัดดี และพายเรือแคนู
ความหวังอันดับหนึ่งของไทยคือ นักมวยเทควันโด ปาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ รุ่น 49 กก. นักกีฬาหญิงวัย 26 ปีคว้าเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่โตเกียวปี 2020 เหรียญทองแดงในเอเชียปี 2014 และเหรียญทองที่ 18 ในเอเชีย ปาณิภักดิ์ตั้งเป้าคว้าเหรียญทองเนื่องจากเป็นเอเชียครั้งสุดท้ายในอาชีพของเขา
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังสามารถหวังพบกับอัจฉริยะกรีฑา ปุริพล บุญสนธิ์ ในการแข่งขันวิ่ง 100 ม., 200 ม. และ 4×100 ม. ชาย กุลวุฒิ วิทิตสาร นักแบดมินตันอัจฉริยะเพิ่งคว้าแชมป์โลก 2023 ขณะเดียวกันมวย เซปักตะกร้อ และวอลเลย์บอลหญิงยังคงเป็นกีฬาที่แข็งแกร่ง
เฮียวหลง
“มือสมัครเล่นเบคอน ผู้ฝึกดนตรี เก็บตัว ขี้ยาเบียร์ ผู้คลั่งไคล้วัฒนธรรมป๊อป กูรูอินเทอร์เน็ตตัวยง”