เดินหน้า ส.ส.ชลทิชา แจงแก้ว ถูกตัดสินจำคุก 2 ปี ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ฐานกล่าวสุนทรพจน์ขณะเข้าร่วมการชุมนุมในปี 2564
ทนายความของ ส.ส.ชลธิชา แจงแก้ว ยืนยันเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ว่าเธอถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และศาลลดโทษจำคุกจาก 3 ปีเหลือ 2 ปีจากความร่วมมือของเขา ส.ส.ชลธิชาอยู่ในระหว่างการพิจารณาอุทธรณ์เป็นจำนวนเงิน 4,000 เหรียญสหรัฐ
ในปี 2564 น.ส.ชลทิชา เข้าร่วมการประท้วงและขึ้นศาลเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษการเมือง เธอกล่าวว่าเธอไม่ได้ตั้งใจดูหมิ่นสถาบันกษัตริย์ แต่เพียงต้องการเน้นย้ำถึงปัญหาการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพภายใต้อดีตนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ชลทิชาเป็นสมาชิกพรรคก้าวไปข้างหน้า ซึ่งเป็นพรรคที่ได้รับที่นั่งในรัฐสภามากที่สุดในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปีที่แล้ว แต่ไม่มีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาล พรรคนี้ดึงดูดความสนใจในระหว่างการเลือกตั้งเนื่องจากมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือที่รู้จักกันในชื่อกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ระบุว่าใครก็ตามที่ “หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือข่มขู่พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์” จะถูกลงโทษจำคุก 3 ถึง 15 ปี
นางสาวรักชนก ศรีนอก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกคนหนึ่งก็ถูกตัดสินจำคุก 6 ปีเมื่อปลายปีที่แล้ว ฐานดูหมิ่นราชวงศ์ไทยและฝ่าฝืนพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ในบรรดา 2 โพสต์ที่นางรักชนกแชร์ มีบทความหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไทยที่ใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของสถาบันกษัตริย์ ซึ่งศาลพิจารณาว่าเป็นการหมิ่นประมาทราชวงศ์ ข้อความที่เหลือมีถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม ซึ่งศาลกล่าวว่าเป็นการแสดงความอาฆาตพยาบาทต่อกษัตริย์
ประเทศไทยมีกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่เข้มงวดที่สุดในโลก หลังจากการเคลื่อนไหวประท้วงในปี 2563 ประเทศนี้ได้เพิ่มความเข้มแข็งให้กับกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและเพิ่มการปฏิบัติต่อผู้กระทำความผิด
ง็อก อันห์ (ตาม ไทยเอเอฟพี/พีบีเอส–
“แฟนท่องเที่ยว เกมเมอร์ ผู้คลั่งไคล้วัฒนธรรมป๊อปฮาร์ดคอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโซเชียลมีเดียมือสมัครเล่น คอฟฟี่ เว็บเทรลเบลเซอร์”