นายชัยวุฒิ ธนาคมนุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย กล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ว่าเขาจะขอให้ศาลออกคำสั่งห้าม Facebook ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
คาดว่าการห้ามดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในปลายเดือนนี้ สาเหตุของการแบนคือ Facebook ไม่สามารถหยุดพวกเขาได้ โฆษณา มีเนื้อหาที่ทำให้เข้าใจผิดก่อให้เกิดอันตรายต่อคนไทย
อย่างไรก็ตาม การแบนควรมีผลเพียง 7 วันเท่านั้นเพื่อให้ Facebook มีเวลาในการจัดการกับเนื้อหาโฆษณาที่ฉ้อโกง แทนที่จะมีผลอย่างถาวร
นายชัยวุฒิกล่าวว่ากระทรวงของเขาได้ขอให้ Facebook บล็อกเนื้อหาโฆษณาที่ฉ้อโกงในประเทศไทยหลายครั้ง แต่ก็ไม่เกิดประโยชน์ นายชัยวุฒิจึงต้องการใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อขัดขวางเฟซบุ๊ก
เนื้อหาโฆษณาหลอกลวงที่ปรากฏบน Facebook ในประเทศไทยรวมถึงการเชิญชวนให้เข้าร่วมในโครงการการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ไม่สมจริง เกี่ยวข้องกับคนดังและนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ โฆษณาจำนวนมากยังแอบอ้างเป็นสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อหลอกลวงผู้ใช้ Facebook
นอกจากนี้ เนื้อหาส่งเสริมการขายสินค้าที่จำหน่ายสินค้าจำนวนมากปรากฏบน Facebook ในประเทศไทย แต่เมื่อผู้ใช้โอนเงิน พวกเขาจะไม่ได้รับสินค้าที่โฆษณาอย่างแน่นอนหรือแม้แต่สิ่งใดจากผู้ขาย
นายชัยวุฒิ กล่าวว่า คาดว่าผู้ใช้ Facebook ในประเทศไทยประมาณ 200,000 ราย ตกเป็นเหยื่อของเนื้อหาโฆษณาหลอกลวงบน Facebook ส่งผลให้เกิดความเสียหายมากกว่า 100,000 ล้านบาท
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไทยใช้มาตรการเข้มกับ Facebook ในปี 2020 ศาลไทยยังสั่งปรับโซเชียลเน็ตเวิร์กนี้เนื่องจากปฏิเสธที่จะลบเนื้อหาที่ละเมิดตามคำขอของรัฐบาลไทย
จากนั้น Facebook ต้องจ่ายค่าปรับ 200,000 บาท (เทียบเท่า 5,700 เหรียญสหรัฐ) และปรับ 5,000 บาท (142 เหรียญสหรัฐ) ในแต่ละวันที่ล่าช้าในการลบเนื้อหาที่ละเมิด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อหาโฆษณาที่ละเมิดกฎหมายไม่เพียงแต่ปรากฏในประเทศไทยเท่านั้น แต่สถานการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยมากในเวียดนามด้วย
ผู้ใช้ Facebook ชาวเวียดนามจำนวนมากสามารถพบกับเนื้อหาโฆษณาการค้าประเวณี การพนัน การค้าฝิ่น ฯลฯ ที่ปรากฏต่อสาธารณะบน Facebook ได้อย่างง่ายดาย สิ่งนี้ทำให้หลายคนตั้งคำถามถึงความรับผิดชอบของ Facebook เมื่อตรวจสอบเนื้อหาโฆษณาก่อนที่จะเผยแพร่ให้กับผู้ใช้
ตาม บางกอกโพสต์
“ผู้คลั่งไคล้อินเทอร์เน็ต เว็บนินจา ผู้บุกเบิกโซเชียลมีเดีย นักคิดที่อุทิศตน เพื่อนของสัตว์ทุกหนทุกแห่ง”