เช่นเดียวกับจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศ ณ วันที่ 3 มีนาคม พบว่าบริเวณนี้มีดัชนีมลพิษสูงเป็นอันดับสองของโลก
ดัชนีคุณภาพอากาศที่ไม่ดียังถูกบันทึกในจังหวัดอื่นๆ ในภาคเหนือของประเทศไทย เช่น ลำพูน สุโขทัย และพิษณุโลก
กรมควบคุมมลพิษของประเทศไทยชี้ให้เห็นว่าคุณภาพอากาศที่ลดลงส่วนใหญ่เกิดจากการที่เกษตรกรเร่งเผาไร่อ้อยและข้าวโพดหลังการเก็บเกี่ยวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยวครั้งต่อไป นอกจากนี้ การปล่อยมลพิษจากรถยนต์ยังส่งผลให้คุณภาพอากาศแย่ลงอีกด้วย
คุณภาพอากาศที่เสื่อมโทรมและผลกระทบต่อสุขภาพอาจทำให้นักท่องเที่ยว “หันเห” จากประเทศไทย
รัฐบาลไทยและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวส่งเสริมให้ฤดูแล้ง (กุมภาพันธ์ถึงมิถุนายน) เป็นเวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมดินแดนแห่งวัดทอง อย่างไรก็ตาม นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ยอมรับว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจ “เลื่อนการเดินทางมาประเทศไทยหรือหาจุดหมายปลายทางอื่นที่มีอากาศสะอาดกว่า”
บันทึกของ Nikkei Asia ระบุว่าดัชนีคุณภาพอากาศในหลายพื้นที่ของประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 164 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 150 เมื่อดัชนีเกินระดับเฉลี่ย อากาศจะถูกจัดว่า “ไม่ดีต่อสุขภาพ ไม่ดีต่อสุขภาพ และเป็นอันตราย” ทำให้เกิดอาการระบบทางเดินหายใจ ” ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ที่เชียงใหม่และพื้นที่อื่นๆ ในภาคเหนือของประเทศไทย บางครั้งดัชนีนี้เกิน 200 ซึ่งเป็นระดับที่ถือว่ามีมลพิษมากที่สุดในโลก
ณ สิ้นเดือนมกราคม ประชาชนประมาณ 380,000 คนในประเทศไทยประสบปัญหาระบบทางเดินหายใจและโรคภูมิแพ้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน สวมหน้ากากอนามัย และขอให้หน่วยงานต่างๆ ออกมาตรการรับมือ
รัฐบาลยังใช้เครื่องบินที่มีเทคโนโลยี Cloud Seeding เพื่อปรับปรุงปริมาณน้ำฝนและติดตั้งเครื่องฟอกอากาศขนาดยักษ์ในเมืองต่างๆ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามาตรการเหล่านี้ “ไม่เพียงพอและสายเกินไป”
* ขอเชิญชวนผู้อ่านติดตามรายการที่ออกอากาศโดย Vietnam Television ทาง TV Online และ วีทีวีโก!
“ผู้คลั่งไคล้อินเทอร์เน็ต เว็บนินจา ผู้บุกเบิกโซเชียลมีเดีย นักคิดที่อุทิศตน เพื่อนของสัตว์ทุกหนทุกแห่ง”