ประชาชนในกรุงเทพฯ เมืองหลวงของไทยได้รับคำแนะนำให้ทำงานจากที่บ้านและสวมหน้ากากอนามัย เนื่องจากมลพิษทางอากาศเลวร้ายลงจนอยู่ในระดับที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
จากรายงานของเดอะการ์เดียนและหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครได้เรียกร้องให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งสาธารณะแทนรถยนต์ส่วนตัวในการเดินทาง และกล่าวว่ารัฐบาลจะหาทางลดแหล่งกำเนิดมลพิษ เช่น มลพิษทางอากาศ การเผากลางแจ้ง หรือกิจกรรมการก่อสร้าง รัฐบาลกรุงเทพฯ ยังกล่าวอีกว่า จะแจกจ่ายหน้ากากให้กับผู้ที่อยู่ในภาวะเปราะบาง
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุ มลพิษเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้สั่งปิดโรงเรียน “ขอแนะนำให้ทุกคนตรวจสอบระดับมลพิษก่อนวางแผนการเดินทาง โดยกทม. และกรมจัดการมลพิษจะควบคุมแหล่งที่มาของฝุ่นละอองและขอความร่วมมือจากสถานที่เกิดฝุ่นละออง เช่น ไซต์ก่อสร้างหรือรถบรรทุก” .
เจ้าหน้าที่กล่าวเสริมว่าหากสถานการณ์เลวร้ายลง จะมีการทบทวนการจำกัดการจราจร
การเผาฟางและไฟป่าเป็นสาเหตุหลักของมลพิษทางอากาศในประเทศไทยในช่วงเดือนธันวาคมปีนี้ถึงเมษายนปีหน้าโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ มลพิษจากไฟไหม้ยังส่งผลกระทบต่อกรุงเทพฯ เนื่องจากเมืองนี้ประสบปัญหามลพิษทางอากาศจากโรงงาน การจราจร และการก่อสร้าง
จากข้อมูลของบริษัทคุณภาพอากาศของสวิส IQAIr ณ เช้าวันนี้ (26 มกราคม) ระดับ PM2.5 ในกรุงเทพฯ สูงถึง 63.2 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ซึ่งสูงกว่าหลักเกณฑ์คุณภาพอากาศประจำปีของประเทศ .องค์การอนามัยโลก (WHO) อยู่ที่ 5 ไมโครกรัม/ลบ.ม. จังหวัดสมุทรสงครามซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงเทพฯ และลำปางซึ่งอยู่ทางทิศเหนือมีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในประเทศไทย
กระทรวงสาธารณสุขของไทยกล่าวว่า 24 จังหวัดในประเทศรวมถึงกรุงเทพฯ มีฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศสูง นพ.โอภาส การกวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จำนวนผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพจากมลพิษเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเป็นเกือบ 213,000 รายในสัปดาห์นี้ จากประมาณ 96,000 ราย นพ.โอภาส การกวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ประสบปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจเช่นเดียวกับอาการต่างๆ เช่น ผิวหนังอักเสบหรือตาอักเสบ
วิกฤตมลพิษทางอากาศของประเทศไทยเลวร้ายจนทางการพยายามใช้มาตรการที่แปลกประหลาดเพื่อลดหมอกควัน