จากข้อมูลของสมาคมอาหารเวียดนาม (VFA) ในช่วงการซื้อขายเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ราคาข้าวส่งออกของไทยลดลงกะทันหัน 7-9 เหรียญสหรัฐต่อตันสำหรับแผงทั้ง 3 ประเภท 5%, 25%, 25% และ 100% ข้าวหักร้อยละ 5 ลดลง 7 เหรียญสหรัฐฯ เหลือ 625 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ข้าวหัก 25% ลดลง 9 เหรียญสหรัฐฯ เหลือ 566 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ข้าวหัก 100% ลดลง 7 เหรียญสหรัฐ เหลือ 484 เหรียญสหรัฐต่อตัน
ก่อนหน้านี้ราคาข้าวไทยปรับขึ้นแรงต่อเนื่อง 3 สัปดาห์แล้ว สาเหตุของการขึ้นราคาตามข้อมูลของสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย (TREA) เกิดจากความต้องการสูงและขาดแคลนสินค้าในเวียดนาม โดยเฉพาะความต้องการข้าวของไทยเพิ่มขึ้นในตลาดต่างๆ เช่น ฟิลิปปินส์ (ลูกค้าดั้งเดิมของเวียดนาม) และบราซิล นอกจากนี้ราคาในประเทศยังสูงขึ้น (รัฐบาลสนับสนุนเงินทุนและอัตราดอกเบี้ยเพื่อให้ประชาชนสามารถเลื่อนการขายข้าวได้ทันทีหลังเก็บเกี่ยว) การแข็งค่าของเงินบาทช่วยให้ราคาแข็งตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากการขึ้นราคาอย่างต่อเนื่องในช่วงแรกของสัปดาห์นี้ ราคาข้าวไทย “ลดลง”
ในขณะเดียวกันราคาข้าวหัก 5% ของเวียดนามปัจจุบันยังคงทรงตัวอยู่ที่ 663 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ซึ่งสูงกว่าข้าวไทยคุณภาพเดียวกันถึง 38 เหรียญสหรัฐฯ ข้าวหัก 25% ราคา 643 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งมากกว่าข้าวไทยคุณภาพเดียวกันที่ 77 เหรียญสหรัฐต่อตัน
ในทำนองเดียวกัน ข้าวหัก 5% ของปากีสถานไม่มีความผันผวนในช่วงการซื้อขายแรกของสัปดาห์ และปัจจุบันราคาอยู่ที่ 598 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ส่วนข้าวหัก 25% ก็เคลื่อนไหวไปด้านข้างที่ 468 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน
ในระยะยาว ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าเนื่องจากภัยคุกคามจากปรากฏการณ์เอลนิโญ รวมถึงการตอบสนองนโยบายของผู้ส่งออกและนำเข้าข้าวรายใหญ่ของโลก ราคาข้าวโลกจะไม่ลดลงจนกว่าจะถึงปี 2568
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตามรายงาน Global Commodity Outlook ล่าสุดจากธนาคารโลก (WB) ที่เผยแพร่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ราคาข้าวเฉลี่ยทั่วโลกในปี 2566 สูงกว่าปี 2565 ถึง 28% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6% ภายในปี 2567
อ้างอิงจากวารสารอุตสาหกรรมและการพาณิชย์
“ผู้ประกาศข่าวประเสริฐเรื่องแอลกอฮอล์ที่รักษาไม่หาย นักวิชาการด้านวัฒนธรรมป๊อปที่ไม่ให้อภัย เว็บบาโฮลิคที่มีเสน่ห์อย่างละเอียด”