เมื่อวันที่ 29 เมษายน ปานปรี พหิดธนุครา รัฐมนตรีต่างประเทศไทย ได้ประกาศลาออก หลังถูกปลดจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ในการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งล่าสุด
ตาม เนชั่นไทยแลนด์ปานปรี พหิดธนุคร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศของไทย ได้ยื่นหนังสือลาออกต่อนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ทันทีภายหลังรายชื่อการปรับคณะรัฐมนตรีในราชกิจจานุเบกษา
ตามรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ นายปานปรีมีรายชื่อเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศเท่านั้น โดยไม่มีตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีเพิ่มเติม ก่อนหน้านี้ นายปานปรียังได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ให้เป็นหัวหน้าคณะกรรมาธิการพิเศษของรัฐบาลอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อวันที่ 23 เมษายน เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะกรรมการที่รับผิดชอบในการจัดการสถานการณ์ที่ไม่มั่นคงในเมียนมาร์
ในจดหมายลาออก นายปานปรีได้แจ้งนายกรัฐมนตรีเศรษฐาว่าต้องการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศและตำแหน่งอื่นๆ ทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน เพื่อปูทางให้บุคคลอื่นเข้ารับตำแหน่ง
นายปานปรียังเน้นย้ำว่าการถอดถอนรองนายกรัฐมนตรีไม่ใช่เพราะขาดผลงาน “ผมเชื่อว่าการยกเลิกตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีไม่เกี่ยวข้องกับการขาดความสำเร็จ เพราะผมได้อุทิศตนให้กับเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการต่างประเทศ” เขากล่าว
นักการทูตไทยกล่าว เขาได้ดำเนินนโยบายของรัฐบาลและรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายการต่างประเทศโดยทำหน้าที่เป็นทูตพิเศษด้านเศรษฐกิจของไทย เพื่อดึงดูดพันธมิตรและนักลงทุนจากต่างประเทศจำนวนมาก
เขากล่าวเสริมว่าเขาได้เจรจาเป็นการส่วนตัวเพื่อขอปล่อยตัวคนงานไทย 23 คนที่ถูกกองกำลังฮามาสจับกุมในฉนวนกาซา นอกจากนี้ยังพยายามส่งแรงงานไทย 8,000 คนจากอิสราเอล และคนไทยอีก 1,000 คนจากเมืองลอกไกในเมียนมาร์กลับประเทศด้วย
นอกจากนี้ เขายังริเริ่มการเจรจายกเว้นวีซ่ากับต่างประเทศได้สำเร็จ และมีส่วนในการกระชับความสัมพันธ์กับประเทศในกลุ่มอาเซียน สหภาพยุโรป (EU) อินเดีย สหรัฐอเมริกา และจีน
“ผมหวังว่าการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้จะช่วยปรับปรุงการบริหารประเทศให้มีประสิทธิภาพและโปร่งใสมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศด้วย ผมขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้โอกาสผมได้ร่วมงานกับภาครัฐในช่วงที่ผ่านมา” นายปานปรี กล่าว
เมื่อถามว่าจะทำงานในพรรคเพื่อไทยต่อไปหรือไม่ ตนตอบว่าจะตัดสินใจเรื่องอาชีพทางการเมืองในภายหลัง
“แฟนท่องเที่ยว เกมเมอร์ ผู้คลั่งไคล้วัฒนธรรมป๊อปฮาร์ดคอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโซเชียลมีเดียมือสมัครเล่น คอฟฟี่ เว็บเทรลเบลเซอร์”